Talk of The Town

BTS แผนลงทุนในอดีตทำพิษ ฉุดงบแบกขาดทุนอีกยาว โบรกฯชี้อาจพลิกกำไรอีกทีปี 73


19 ธันวาคม 2568

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ให้คําแนะนํา “ถือ” BTS เนื่องจากผลขาดทุนในงวดครึ่งปีแรกปี 69 (งบสิ้นงวดเดือนมีนาคม) สูงกว่าคาด และรายได้ดอกเบี้ยที่ลดลง ทําให้ปรับลดกําไรลงเป็นขาดทุนจากการดําเนินงานที่ 1.8–2.0 พันล้านบาทต่อปี ในปี 69– 71 จึงลดงราคาเป้าหมายลดลงเหลือ 2.5 บาท

BTS แผนลงทุนในอดีตทำพิษ_S2T (เว็บ) copy_0.jpg

ขณะที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ชําระหนี้ให้กับ BTS เป็นจํานวน 7.4 หมื่นล้านบาท ในเดือนเมษายน และธันวาคม 2567 และเดือนตุลาคม 2568 ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนของ BTS ลดลงมาอยู่ที่ 1.3 เท่า ในปี 68 และ 1.2/1.3 เท่า ในปี 69-70 จาก 2.6 เท่า ในปี 67 เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยผิดนัดชําระหนี้สูงถึง MLR+1% บนหนี้ของกทม. การชําระหนี้ดังกล่าวจะทําให้รายได้ดอกเบี้ยของ BTS ลดลงอย่างมีนัยสําคัญ

รวมไปถึง แม้ว่าโครงสร้างทางการเงินจะดีขึ้นจากการชําระหนี้ของกทม. แต่รายได้จากการดําเนินงานของ BTS ยังคงตํ่ากว่าค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย และราคาหุ้น BTS ได้ปรับตัวลดลงมาใกล้เคียงกับราคาเป้าหมายแล้ว

ทั้งนี้ BTS ได้ลงทุนจํานวนมากตลอดทศวรรษที่ผ่านมา แต่ผลตอบแทนจากการลงทุนบางส่วนยังคงอ่อนแอ ขณะที่การลงทุนที่ไม่ประสบความสําเร็จ เช่น Kerry Express (KEX ถูกเพิกถอนแล้ว) และ Singer Thailand (SINGER, not rated) ส่งผลให้ BTS ต้องบันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่ารวม 5 พันล้านบาท ในปี 67

สําหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง (มูลค่าเงินลงทุนรวม 9.9 หมื่นล้านบาท) มองว่าไม่ใช่การลงทุนที่แย่ แต่ยังต้องใช้เวลาในการพลิกกลับมาทํากําไรจากปัจจุบันที่ขาดทุนราว 1.6 พันล้านบาทต่อปี คาดว่า EBIT รวมกับรายได้ดอกเบี้ยของ BTS จะอยู่ที่ 7 พันล้านบาท, 6 พันล้านบาท และ 6 พันล้านบาท ในปี 69–71 ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ คาดไว้ที่ 7 พันล้านบาท 6 พันล้านบาท และ 6 พันล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกัน

ดังนั้น คาดว่าผลการดําเนินงานของ BTS จะกลับมามีกําไร 1.2 – 4.7 พันล้านบาท ในปี 73–75 หลังเปลี่ยนโครงสร้างสายสีเขียวหลักจากสัญญาสัมปทานรายได้ค่าโดยสาร มาเป็นสัญญาจ้างเดินรถและซ่อมบํารุง (O&M) ในช่วงเดือนธันวาคม 2572 - 2585 ภายใต้สัญญาสัมปทานค่าโดยสารในปัจจุบัน BTS รับรู้ส่วนแบ่งกําไรผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชน ทางราง บีทีเอสโกรท ซึ่ง BTS ถือหุ้นอยู่ 33% และเป็นผู้ถือสิทธิในรายได้ค่าโดยสารสุทธิ ขณะที่ภายใต้สัญญา O&M นั้น BTS จะได้รับรายได้และกําไรจากการเดินรถและซ่อมบํารุงทั้งหมด

ทั้งนี้ รัฐบาลอยู่ระหว่างการศึกษานโยบายการซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้าเพื่อจัดตั้งระบบการถือครองทรัพย์สินแบบเจ้าของรายเดียว การรวมระบบตั๋วโดยสาร และสนับสนุนนโยบายค่าโดยสารอัตราเดียว อย่างไรก็ตาม ไม่คาดว่าการดําเนินการดังกล่าวจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้

ด้วยเนื่องจากรัฐบาลอยู่ ในสถานะรัฐบาลรักษาการภายหลังการยุบสภา และ แผนดังกล่าวต้องใช้เงินลงทุนจํานวนมาก ซึ่งยังต้องใช้เวลาในการศึกษาและเตรียมความพร้อม รัฐบาลเคยกล่าวถึงกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ค่าธรรมเนียมความแออัด และกองทุน Thailand Future Fund (TFFIF) ในฐานะแหล่งหรือ กลไกเงินทุนที่อยู่ระหว่างการศึกษ

BTS