Talk of The Town

รวบ 23 หุ้นเตรียมได้ผลดี หาก “เพื่อไทย” ชิงยุบสภาก่อน โบรกฯ มองโอกาสเกิดขึ้นสูงถึง 50%


03 กันยายน 2568

การเมืองกำลังร้อนแรงไม่หยุด  แม้พรรคประชาชน ยังไม่ได้มีมติการตัดสินใจว่าจะสนับสนุนพรรคใดจัดตั้งรัฐบาล แต่หากประกาศสนับสนุน นายอนุทิน นักวิเคราะห์มองพรรคเพื่อไทย อาจใช้อำนาจประกาศ “ยุบสภา” ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้น 50% และมองบวกมากสุด เพราะทำให้มีการเลือกตั้งได้เร็วขึ้น ชู 23 หุ้น เตรียม outperform

รวบ 23 หุ้นเตรียมได้ผลดี_S2T (เว็บ) copy_0.jpg

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า พรรคประชาชน (ปชน.) รายงานวานนี้ว่า พรรคยังไม่ได้มีมติการตัดสินใจว่าจะสนับสนุนพรรคใดจัดตั้งรัฐบาล โดยจะยังคงเปิดให้สมาชิกพรรคได้แสดงความคิดเห็นต่ออีก 1 วัน 

ทั้งนี้คณะกรรมการบริหารพรรคประชาชน มีกำหนดการประชุมวันนี้ (3 กันยายน) เพื่อตัดสินใจว่าจะสนับสนุนใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 เพื่อจัดตั้งรัฐบาลชั่วคราวเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง (ภายในไม่เกิน 4 เดือน) มีการคาดการณ์ว่า จะมี 3 ทางเลือกหลัก (scenario) ที่จะเกิดขึ้น คือ

Scenario #1 สนับสนุน นายชัยเกษม นิติสิริ (พรรคเพื่อไทย),

Scenario #2 สนับสนุน นายอนุทิน ชาญวีรกุล (พรรคภูมิใจไทย) 

และ Scenario #3 พรรคเพื่อไทย ใช้อำนาจประกาศ “ยุบสภา” ก่อนการเลือกนายกรัฐมนตรี    

ในขณะที่ วิปฝ่ายค้านกับวิปรัฐบาล มีวาระการพิจารณาเรื่องการกำหนดวันประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลที่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี (คาดว่าจะเป็นวันที่ 5 กันยายน)

โดยฝ่ายวิจัย มองว่า ไม่ว่าผลจะออกมาใน scenario ไหน (จาก 3 scenarios) ตลาดหุ้นไทยจะตอบรับในเชิงบวก  เพราะทั้ง 3 scenarios จะนำไปสู่การยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ ส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นระยะสั้น 

จาก 1.รัฐบาลใหม่ (ชั่วคราว) จะเร่งการใช้จ่ายงบประมาณ, 2.งบประมาณการเลือกตั้ง ช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในประเทศ และ 3.การคาดหวังว่าจะมีรัฐบาลใหม่ที่มีเสถียรภาพมากขึ้น   

Scenario#1: พรรคประชาชนเลือกที่จะสนับสนุน นายชัยเกษม (เพื่อไทย) (โอกาสที่จะเกิด 20%) มองเป็นบวกปานกลาง จากนโยบายและโครงการส่วนใหญ่ของรัฐบาลปัจจุบันยังดำเนินการต่อได้ ประกอบกับมีโอกาสที่จะประกาศยุบสภาได้ในระยะเวลาเร็วกว่า 4 เดือน

Scenario#2: พรรคประชาชนเลือกที่จะสนับสนุน นายอนุทิน (ภูมิใจไทย) (โอกาสที่จะเกิด 30%) มองเป็นบวกน้อยที่สุด เนื่องจากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะใช้เวลานานกว่าและมีโอกาสที่นโยบายและโครงการส่วนใหญ่ของรัฐบาลปัจจุบันจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือชะลออกไป จากการเปลี่ยนคณะรัฐบาล ในขณะที่การประกาศยุบสภาต้องใช้เวลานานกว่า คาด 4 เดือน

ประเมินหุ้นที่มีโอกาส outperform มากสุด ได้แก่ STECON, CPALL, GLOBAL, CENTEL โดยมีโอกาสที่พรรคภูมิใจไทย จะนำเอาบางนโยบายที่เคยหาเสียงไว้มาใช้ ดังนี้

1. โครงสร้างพื้นฐานและท้องถิ่น - นโยบาย “กระจายงานรัฐสู่ท้องถิ่น” เช่น ถนน โรงพยาบาลชุมชน เอื้อให้ผู้รับเหมา วัสดุก่อสร้างได้งานต่อเนื่อง (Commerce (home improvement: GLOBAL, DOHOME)

2. การท่องเที่ยวและ Wellness - นโยบายกระตุ้นเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว และนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical tourism) กลุ่มท่องเที่ยว (ERW, CENTEL, AOT, AAV), กลุ่มค้าปลีก (CPALL, CRC), กลุ่มโรงพยาบาล (BH, BDMS)

3. มาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย - โครงการพักหนี้ 3 ปี ไม่เกิน 1 ล้านบาท/คน ดอกเบี้ยไม่มาทบต้น ทบดอก, เงินกู้ฉุกเฉิน 50,000 บาท ไม่ต้องมีค้ำประกัน กลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB), กลุ่มการเงิน (MTC, SAWAD)

ขณะที่ Scenario#3: พรรคเพื่อไทย ใช้อำนาจประกาศ “ยุบสภา” (หากพรรคประชาชนประกาศสนับสนุน นายอนุทิน) (โอกาสที่จะเกิด 50%) มองเป็นบวกมากที่สุด เพราะจะทำให้เกิดการเลือกตั้งใหม่ที่เร็วที่สุด ในขณะที่คณะรัฐมนตรีปัจจุบันยังปฏิบัติหน้าที่เหมือนเดิม

ประเมินหุ้นที่มีโอกาส outperform มากสุด ได้แก่ CPALL, HMPRO, PLANB, CK  ทั้งนี้ สำหรับ sector/หุ้น ที่จะได้ประโยชน์หลัก ๆ ได้แก่:

1. กลุ่มค้าปลีก – บริโภค: CPALL, BJC, CRC, HMPRO, CPAXT, CPN – ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย

2. กลุ่มสื่อสาร – สื่อโฆษณา: ADVANC, TRUE, PLANB - การเลือกตั้งทำให้มีการใช้สื่อโฆษณาเพิ่มขึ้น รวมถึงรัฐบาลใหม่มักมีนโยบายดิจิทัล/สื่อสาร

3. กลุ่มธนาคาร - BBL, KTB, KBANK, SCB – จากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจและหนุนสินเชื่อเพิ่มขึ้นได้

4. กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง: CK, STECON - ได้อานิสงส์จากนโยบายลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (รถไฟฟ้า ถนน สนามบิน ท่าเรือ) ที่รัฐบาลใหม่จะผลักดันเพื่อสร้างความนิยม

5. กลุ่มอสังหาริมทรัพย์: SPALI, SIRI, AP, ORI - คาดหวังจะได้ผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการกระตุ้นกำลังซื้อบ้าน