PTT ปีนี้โละหนัก! แจ้งปิดกิจการ-ขายหุ้นหลายบริษัท ตัดขาดธุรกิจไม่ถนัด เร่งปรับโครงสร้าง
นับจากต้นปี 2568 จนถึงปัจจุบัน พบว่า บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เดินหน้าปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ของบริษัท ซึ่งจะมีทั้งลดทุนจดทะเบียน เลิกกิจการ ปิดกิจการ หรือลดสัดส่วนการถือหุ้น
เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2568 PTT รายงานการปรับโครงสร้างการถือหุ้นในบริษัท ฮอริษอน พลัส จำกัด (Horizon Plus) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท อรุณ พลัส จำกัด (“Arun Plus”) (บริษัทย่อย PTT ถือหุ้น 100%) และ Lin Yin ในสัดส่วนการถือหุ้น 60% และ 40% ตามลำดับ
โดยให้ Horizon Plus ดำเนินการลดทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว เป็นจำนวนเงินประมาณ 5,100 ล้านบาท ซึ่งภายหลังการลดทุนจดทะเบียน Arun Plus และ Lin Yin จะมีสัดส่วนการถือหุ้นใน Horizon Plus 40% และ 60% ตามลำดับ และมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว คงเหลือจำนวนประมาณ 5,400 ล้านบาท
ทั้งนี้ การลดทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วของ Horizon Plus เป็นไปตามนโยบายการปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจเพื่อให้สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ของ PTT ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของ PTT โดยคาดว่าจะดำเนินการลดทุนจดทะเบียนแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2568
ตามด้วย เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2568 PTT รายงาน แจ้งการปิดบริษัท PTT International Holdings Limited (“PTTIH”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ PTT ถือหุ้นผ่านบริษัท PTTGM ในสัดส่วน 100% โดยคาดว่าจะดาเนินการจดทะเบียนเลิกกิจการแล้วเสร็จภายในปี 2569
ต่อด้วย เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2568 ได้มีมติอนุมัติให้เลิกกิจการของ T-ECOSYS ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ PTT ถือหุ้น 100% ผ่าน บริษัท สยาม แมนเนจเม้นท์ โฮลดิ้ง จำกัด (SMH) (บริษัทย่อย ซึ่ง PTT ถือหุ้น 100%) โดยคาดว่าจะดำเนินการจดทะเบียนเลิกกิจการแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/2568 ทั้งนี้การเลิกกิจการของ T-ECOSYS เป็นไปตามนโยบายของ PTT ในการปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจ และไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของ ปตท.
ในวันเดียวกัน ได้มีมติอนุมัติให้เลิกกิจการของบริษัท ปตท กรีน เอ็นเนอร์ยี่ (ประเทศไทย) จำกัด (PTTGE TH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ PTT ถือหุ้น 100% ผ่านบริษัท ปตท กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จากัด (PTTGE) (บริษัทย่อย ซึ่ง PTT ถือหุ้น 100%) โดยคาดว่าจะดำเนินการจดทะเบียนเลิกกิจการแล้วเสร็จภายในปี 2568
รวมทั้งเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 ได้มีมติอนุมัติให้เลิกกิจการของ IMD ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ PTT ถือหุ้นในสัดส่วน 40% ผ่าน บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด (“INBA”) (บริษัทย่อย ซึ่ง PTT ถือหุ้น 100%) ร่วมกับบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (“IRPC”) ที่ถือหุ้นในสัดส่วน 60% โดยมีทุนจดทะเบียน 282 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการจดทะเบียนเลิกกิจการ แล้วเสร็จภายในปี 2568
อีกทั้ง เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 ได้มีมติอนุมัติให้เลิกกิจการของ SSS ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ ปตท. ถือหุ้นในสัดส่วน 100% ผ่านบริษัท บิซิเนส เซอร์วิสเซส อัลไลแอนซ์ จำกัด (BSA) (บริษัทย่อย ซึ่งกลุ่ม ปตท. ถือหุ้น 100%) โดยมีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท และได้จดทะเบียนเลิกกิจการแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2568
ส่วนวันที่ 17 กรกฎาคม 2568 ได้มีมติอนุมัติการปรับการถือหุ้นของบริษัท Lotus Pharmaceutical Company Limited (“Lotus”) โดยการจำหน่ายหุ้นจำนวนไม่เกิน 2% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมด ผ่านตลาดหลักทรัพย์ไต้หวัน (Taiwan Stock Exchange Corporation : TWSE) โดยกำหนดระยะเวลาดำเนินการภายในเดือนกรกฎาคม 2569 (“ธุรกรรมการขายหุ้น”)
ตามที่ ปตท. ได้มีการปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในกลุ่ม Life Science เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดและสภาพการเเข่งขัน โดยมีเป้าหมายให้ธุรกิจยาสามารถสร้างการเติบโตแบบพึ่งพาตนเอง (Self- Funding) ควบคู่กับการสร้างประโยชน์ระยะยาวให้กับกลุ่มปตท. และประเทศนั้น ปตท. จึงได้พิจารณาปรับการถือหุ้น Lotus ผ่านธุรกรรมการขายหุ้น เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการเติบโตของธุรกิจ Life Science ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการดำเนินการขายหุ้นครั้งนี้ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด (“INBA”) (บริษัทย่อย ซึ่ง ปตท. ถือหุ้นทั้งหมด) จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน Lotus ที่สัดส่วนไม่ตํ่ากว่า 36% และยังคงมีความเชื่อมั่นต่อการเติบโตของ Lotus ในอนาคต ทั้งนี้ ธุรกรรมการขายหุ้นได้ทยอยเริ่มดำเนินการแล้วในเดือนกรกฎาคม 2568 ส่งผลให้ Lotus เปลี่ยนสถานะจากบริษัทย่อย (Subsidiary Company) เป็นบริษัทร่วม (Associated Company) ของ ปตท.
ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 มีมติอนุมัติจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัท นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย จำกัด (“NMA”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ ปตท. ถือหุ้นทางอ้อมในสัดส่วน 50% โดยให้ AMH ขายหุ้นสามัญทั้งหมดของ NMA ให้แก่บริษัท เอ็มจีซี-เอเชีย กรีนเทค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) โดยมีมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 83,000,055.33 บาท
ยอดนิยม
%20copy_0.jpg)
บล.บัวหลวง แนะ “ขาย” KBANK แม้เพิ่มอัตราจ่ายปันผลมากกว่า 50% หวั่นคุณภาพสินทรัพย์ลูกค้า SME
_0.jpg)
เปิดสถิติดัชนีหุ้นไทยเดือนส.ค. 5 ปีย้อนหลังส่วนมากปรับตัวขึ้น นักวิเคราะห์คาดปีนี้ไปต่อได้อีก
_0.jpg)
คาดทองแตะ 3,500 ดอลลาร์ ใน 3 เดือน เงินเฟ้อ-ภาษีศุลกากร ฉุดศก.สหรัฐฯ ดอลลาร์อ่อนหนุนทองแตะจุดสูงสุดใหม่

เจาะเบื้องหลัง STX เจ้าของธุรกิจเหมืองหิน รายเดียวในตลาดหุ้นไทย
_0.jpg)