Talk of The Town

TERA ถึงรอบการเติบโต เมื่อไทยจะเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัล


09 พฤษภาคม 2568

หน้าปก TERA ปกเว็บ infographics.jpg

เมื่อธุรกิจให้บริการ Cloud และ Data Center เป็น Mega Trend ที่กำลังเติบโตไปทั่วโลก และสอดคล้องกับนโยบาย Cloud First Policy ของรัฐบาลไทย ที่หวังใช้เป็นเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล 

ขณะเดียวกันการให้บริการ Cloud และ Data Center นี้กำลังสอดรับกับนโยบาย Cloud First Policy ของภาครัฐ ที่ต้องการให้หน่วยงานของรัฐมีการใช้งาน Cloud เพื่อรองรับการบริการให้เข้าถึงประชาชนอย่างสะดวกและรวดเร็ว

ล่าสุดหนึ่งในบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการให้บริการ Cloud ระบุว่า ธุรกิจ Cloud ทั่วโลกมีแนวโน้มการเติบโตได้กว่าปีละ 22% ต่อเนื่องมาโดยตลอด และอย่างยิ่งในปีนี้เองก็คาดการณ์กันว่าธุรกิจ Cloud ทั่วโลกจะเติบโตได้อีกอย่างน้อย 20% 

โดย ในครั้งนี้จะพานักลงทุนมาทำความรู้จักหนึ่งในบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ที่ให้บริการและพัฒนา Local Cloud ในไทยมาอย่างยาวนานนั้นก็คือ บริษัท เทอร์ราไบท์ พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ TERA

“เทอร์ราไบท์ พลัส” หรือ TERA  มีลักษณะธุรกิจคือ จัดจำหน่ายและให้บริการระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซอฟต์แวร์ระบบบริหารจัดการการขนส่งกระจายสินค้าและโลจิสติกส์ และให้บริการ IT Outsourcing สำหรับบริษัทที่กำลังเตรียมตัวเสนอขายหุ้นไอพีโอ“

โดยผู้บริหารคุณสุรสิทธิ์ คิวประสพศักดิ์ เคยระบุไว้ว่าภายหลังจากการระดมทุน มีนโยบายมุ่งเน้นเรื่องของการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และรักษาคุณภาพบริการ T.Cloud ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง จึงลงทุนระบบ Cloud มูลค่า 60 ล้านบาท 

รวมถึงจะมีการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องที่มีศักยภาพ เพื่อรองรับการเติบโต ด้วยการลงทุนราว 70 ล้านบาทตั้งแต่ในปี 68 – 69  ส่วนเงินที่เหลือจากการระดมทุนในครั้งนี้ ก็จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของกิจการในช่วงปี 67-68 จะช่วยเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น และผลการดำเนินงานที่เติบโต 

และยังรวมไปถึงการทำให้คุณภาพและบริการดีขึ้น เพิ่มจุดขายได้มากขึ้น ตลอดจนจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันอย่างก้าวกระโดด และมีเป้าหมายจะเน้นการเติบโตที่มาจาก Organic และ Inorganic 

โดยในช่วงที่ผ่านมา TERA ได้ดำเนินธุรกิจตามแผนที่วางไว้ด้วยการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นไอพีโอ ซึ่งได้ตัดสินใจลงทุนโครงการ T.Cloud Gen3 ด้วยงบประมาณ 40 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตของความต้องการบริการคลาวด์ที่ได้มาตรฐานขององค์กรต่างๆ 

ทั้งนี้ TERA ให้บริการและพัฒนา Local Cloud ในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากการให้บริการ T.Cloud Gen1 ในปี 59 ต่อมาในปี 61 ได้พัฒนาเป็น T.Cloud Gen2 และปัจจุบันเป็น T.Cloud Gen3 ต่อยอดความสำเร็จจากประสบการณ์เกือบ 8 ปี ซึ่งเป็นการให้บริการทั้งภาครัฐและเอกชน”

สำหรับแผนในปี 68 คุณสุรสิทธิ์ วางเป้าหมายจะเติบโตประมาณ 24% จากปีก่อน สาเหตุหลักมาจากสัดส่วนรายได้ Recurring ที่เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ โดยพึ่งพิงสัดส่วนรายได้จากงานโปรเจกต์น้อยลง ประกอบการมีแบ็กล็อกอยู่ในมือระดับที่มากพอสมควร 

ขณะเดียวกันคุณสุรสิทธิ์ ยังบอกอีกว่า TERA ได้วางเป้าหมายจะมีสัดส่วนรายได้จากภาครัฐเพิ่มขึ้นเป็น 15% จากเดิมอยู่ในระดับ 5% ซึ่งเป็นการขยายฐานไปยังกลุ่มลูกค้าภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจให้มากขึ้น เพื่อเป็นการชดเชยการลงทุนของภาคเอกชนที่ลดลงจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้เริ่มมีการพัฒนาเพื่อรองรับงานโปรเจกต์จากทางภาครัฐมาโดยตลอดในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งนโยบาย Cloud First Policy ของภาครัฐจะเป็นส่วนช่วยให้ TERA ขยายงานไปยังกลุ่มภาครัฐได้เพิ่มมากขึ้น

ประกอบกับงานด้าน Solutions AI ที่ภาครัฐมีความจำเป็นจะต้องใช้ มูลค่าโครงการประมาณหลักร้อยล้านบาท ซึ่งจะเป็นการขายแบบ Solutions และ Hardware รวมกัน ซึ่งในจุดนี้ถือเป็นอัพไซด์ที่จะทำให้ TERA มีรายได้เติบโต 24% ได้ตามแผน

สำหรับ Key Success ที่ทำให้ TERA ประสบความสำเร็จ ตามที่คุณสุรสิทธิ์ บอกไว้ก็คือ ทีมงานที่มีคุณภาพ และด้วยการที่บริษัทระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ทำให้มีกระแสเงินสดก้อนใหญ่เข้ามา 

แต่ในขณะเดียวกันบริษัทมีความระมัดระวังในด้านของการใช้จ่ายเงินอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการลงทุนจะต้องลงทุนในธุรกิจที่จะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับ TERA 

ประเภทลงทุนแบบระมัดระวังมาก เราจะจ่ายเงินลงทุนแบบธุรกิจจะต้องเข้ามาเสริมไม่ได้เข้ามาเป็นภาระ รวมไปถึงโอกาสการเติบโตแบบ Organic และ Inorganic ที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง

TERA infographics.jpg