โบรกฯ คาดโค้งสุดท้ายปีนี้ เงินไหลเข้ากองทุนลดหย่อนภาษี เกาะติดครม.อนุมัติ TISA 9 ธ.ค.

โบรกฯ ชี้ นักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่เชื่อว่าธปท.จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีกในช่วงถัดไป  ส่วนกระแสเงินทุนไหลเข้าสู่กองทุนลดหย่อนภาษีของไทยในช่วงปลายปีนี้ อาจแตกต่างจากช่วงสองปี คาดในปีนี้จะมีการเข้าสู่กองทุนประเภทตราสารทุนเพิ่มขึ้นจากเดิม หากเป็นจริง จะถือเป็นปัจจัยช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาดหุ้นไทยที่รออยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ได้

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุว่าผลการประมูลพันธบัตรรัฐบาลไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา มีภาพสะท้อนที่น่าสนใจ ทั้งรุ่นอายุ 3.5 ปี และ 30 ปี ต่างเห็นอุปสงค์ที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะรุ่น 30 ปี ที่มี BCR (Bid-to-Cover ratio) อยู่เพียง0.68x เท่านั้น ถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2019 ปรากฏการณ์ดังกล่าวอาจสะท้อนความเป็นได้ว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดยังคงกับความเสี่ยงที่ไทยเราอาจถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือในระยะถัดไป หรืออาจจะแปลความได้อีกนัยหนึ่งว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่เชื่อว่าธปท.จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีกในช่วงถัดไปเราประเมิน Implication ที่ได้จากเหตุการณ์ดังกล่าวอยู่ 2 ข้อสรุปดังนี้

1. การที่นักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่เชื่อมั่นว่าจะมีการลดดอกเบี้ยนโยบายของไทยในเดือนธันวาคมนี้ น่าจะทำให้การลดดอกเบี้ย (หากเกิดขึ้นจริง) จะถือเป็น Positive surprise ที่สำคัญที่รออยู่ต่อ ทั้งตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้น ยังคงมองต่อเนื่องว่า ปัจจัยดังกล่าวจะกลายมาเป็น Sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มหุ้น Rate-sensitive ในช่วงปลายปีนี้ เช่น ไฟแนนซ์และอสังหาฯ รวมถึงหุ้นในกลุ่ม Bond-like อย่าง กองทุน REIT และ IFF เป็นต้น

2. กระแสตอบรับต่อพันธบัตรที่อ่อนแรงในช่วงหลัง เมื่อมาประกอบกับ Earning yield gap (EYG) ของหุ้นไทยที่อยู่สูง เมื่อเทียบกับผลตอบแทนพันธบัตรของไทย ยิ่งเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับเราว่า กระแสเงินทุนไหลเข้าสู่กองทุนลดหย่อนภาษีของไทยในช่วงปลายปีนี้ อาจแตกต่างจาก ช่วงสองปีก่อนที่ส่วนใหญ่ไหลเข้าสู่กองทุนตราสารหนี้ โดยภายใต้ระดับ EYG ที่อยู่สูง ณ ปัจจุบัน มีความเป็นไปได้ว่าเม็ดเงินในปีนี้จะมีการเลือกเดินทางเข้าสู่กองทุนประเภทตราสารทุนเพิ่มขึ้นจากเดิม หากเป็นจริง จะถือเป็นปัจจัยช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาดหุ้นไทยที่รออยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ได้

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มองว่า ตลาดกำลังติดตามการประชุม ครม. รอบหน้าในวันที่ 9 ธ.ค.68 ซึ่งน่าจะมีการพิจารณาและอนุมัติการออก Thailand Individual Saving Account (TISA) ซึ่งในปี 2569 ภาครัฐฯ ตั้งเป้ารวมการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีทั้งหมดไว้ในบัญชีดังกล่าว บุคคลละเพียง 1 บัญชี... ฝ่ายวิจัยฯ มองว่าประเด็นสำคัญได้แก่วงเงินรวมของ TISA ที่จะประกาศออกมา ว่าจะมากน้อยเพียงใด

จากการรวบรวมข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ในเดือนธ.ค.ของ 5 ปีย้อนหลัง พบว่า นักลงทุนสถาบันในประเทศมียอดซื้อสุทธิมากกว่าขายสุทธิดังนี้

ปี 67 มียอดซื้อสุทธิ   8,744,168,552.73 บาท

ปี 66 มียอดซื้อสุทธิ   10,439,035,790.89 บาท

ปี65 มียอดซื้อสุทธิ   4,474,565,091.90 บาท

ปี64 มียอดขายสุทธิ   -8,629,854,679.50 บาท

ปี 63 มียอดขายสุทธิ   -18,497,253,541.31บาท