ผวา! น้ำท่วมฉุดเศรษฐกิจ เขื่อนเจ้าพระยาใกล้แตะระดับสูงสุด หวั่นซ้ำรอบปี 54 ฉุด GDP ดิ่งกว่า 4%
สถานการณ์น้ำท่วมยังน่าเป็นห่วงต่อเนื่อง ภาวะฝนตกหนักในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เขื่อนหลักภาคเหนือเกือบเต็มทั้งหมด ล่าสุดนักวิเคราะห์ชี้หากการระบายน้ำจากเขื่อนภาคเหนือไม่สมดุลกับปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มเติมเข้ามา อาจเกิดน้ำเอ่อล้นและไหลท่วมพื้นที่ลุ่มภาคกลางในเร็ววัน และจะกดดัน GDP กลยุทธ์แนะนำถือเงินสดบางส่วน เลือกหุ้นมีเกราะป้องกันน้ำท่วม

ความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้น้ำท่วมใหญ่จะเกิดเหมือนปี 2554 หรือไม่ หลังเทศกาลลอยกระทงที่น้ำมักจะล้นตลิ่ง บวกกับภาวะฝนตกหนักในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เขื่อนหลักภาคเหนือเกือบเต็มทั้งหมด
โดยเฉพาะกิ่วคอหมาที่ล้นแล้ว และภูมิพล–สิริกิติ์ก็อยู่ในระดับสูงเกิน 95% ซึ่งหากยังมีฝนตกต่อเนื่องจะต้องเร่งระบายน้ำลงสู่ภาคกลาง และเพิ่มความเสี่ยงต่อน้ำท่วมในจังหวัดลุ่มต่ำ เช่น นครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี อยุธยา และกรุงเทพฯปริมณฑล
1.เขื่อนภูมิพล (ลุ่มน้ำปิง) มีน้ำในเขื่อน 95% ของความจุ ปริมาณกักเก็บประมาณ 12,790 ล้านลบ.ม.มีการระบายน้ำ 10 ล้าน ลบ.ม./วัน แปลว่าเขื่อนใกล้เต็มและต้องเริ่มระบายน้ำ เพื่อป้องกันน้ำล้นในกรณีฝนตกเพิ่ม
2.เขื่อนกิ่วคอหมา (ลุ่มน้ำจาง) มีน้ำ 104% ของความจุ (เกินเต็ม) แสดงให้เห็นว่าน้ำไหลเข้าเกินขีดจำกัด และอาจต้องเร่งระบายเพื่อความปลอดภัย
3.เขื่อนสิริกิติ์ (ลุ่มน้ำน่าน) มีน้ำ 97% ของความจุ ปริมาณกักเก็บราว 9,240 ล้าน ลบ.ม. ระบายน้ำ 10 ล้านลบ.ม./วัน เช่นเดียวกับเขื่อนภูมิพล คืออยู่ในระดับสูงมาก ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง
ขณะที่ปริมาณน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาปีล่าสุดอยู่ที่ 2,840 ลูกบาศก์เซนติเมตรต่อวินาที สูงกว่าปีที่แล้วมาก และแตะใกล้ระดับสูงสุด (เช่นเดียวกับปี 2554)
ดังนั้นหากการระบายน้ำจากเขื่อนภาคเหนือไม่สมดุลกับปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มเติมเข้ามา อาจเกิดน้ำเอ่อล้นและไหลท่วมพื้นที่ลุ่มภาคกลางในเร็ววัน ซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งที่กดดัน GDP(%YOY) ให้ดรอปลง ดังข้อมูลในอดีตที่ปี 2554 ณ ไตรมาส 4 GDP (%YOY) ออกมา -4.0%
อย่างไรก็ตามนโยบายการคลังอย่างโครงการคนละครึ่ง พลัส เฟส 1 ที่เปิดใช้งานมา 11 วัน หนุนเงินสะพัด 2.4 หมื่นล้านบาท (คาดการณ์เงินหมุนทั้งโครงการ 8.8 หมื่นล้านบาท) คาดช่วยกระตุ้น GDP ได้ราว 0.2-0.3% และเตรียมเดินหน้าเฟส 2 จ่อเข้าครม. ธ.ค.68 โดยจะเปิดลงทะเบียนสำหรับ “ผู้ที่ตกหล่น” คาดว่าจะเริ่มช่วง ม.ค.69 และได้รับเงิน 4,000 บาทต่อคน
ส่วนบุคคลที่ได้รับสิทธิแล้วในเฟส 1 จะได้อีกคนละ 200 บาทต่อคน ซึ่งน่าจะเป็นตัวพยุง GDP ไทยให้อยู่ในโซนบวกได้ (ไม่เกิด TECHNICAL RECESSION)
โดยตลาดหุ้นโลกฟื้น หลังปรับฐานแรงสัปดาห์ที่แล้ว จากความชัดเจน GOVERNMENT SHUTDOWN ใกล้ยุติ ถือเป็น SENTIMENT บวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง ส่วนไทยมีความกังวลเรื่องน้ำท่วมมากขึ้น และข้อพิพาทกับกัมพูชาร้อนแรงกดดันต่างชาติยังขายในช่วงนี้ 3 วันติด มูลค่า -4.6 พันล้านบาท
ดังนั้นกลยุทธ์แนะนำถือเงินสดบางส่วน เลือกหุ้นมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว หุ้นมีเกราะป้องกันน้ำท่วม หุ้นซ่อมสร้าง HMPRO, GLOBAL, DOHOME, DCC, SCC หุ้นน้ำดื่ม OSP, CBG หุ้นอิงราคาหมูขึ้น CPF
ยอดนิยม
BANPU งบทะยาน! Q3 พลิกกำไร 1,054 ลบ. โรงไฟฟ้าหนุน นักวิเคราะห์ คาด Q4 พุ่งต่อ รับไฮซีซั่น
AOT ลุ้นอัพไซด์เพิ่ม 5 บาท ขอขึ้นค่า PSC - ค่าธรรมเนียม Transit โบรก แนะนำดัก “เก็งกำไร”
ทองเด้งแรง! เปิด 950 บาท ยืนเหนือ 63,000 บาท ลุ้นสหรัฐฯเปิดหน่วยงาน Shining Gold ชี้ระวังแรงขายระยะสั้น
เกาะติดหุ้น KTB แขวนเครื่องหมาย XD วันนี้ พบ "นอมินีต่างชาติ" รับทรัพย์เพียบ