จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : SFLEX ผลงานฟื้นตัวต่อเนื่อง บริหารจัดการต้นทุนได้ดี โบรกฯคาด Dividend yield 4-5% ต่อปี


03 พฤศจิกายน 2568
บมจ.สตาร์เฟล็กซ์ (SFLEX) ผลดำเนินงานฟื้นตัวต่อเนื่อง ผลจากการบริหารต้นทุนได้ดี  โบรกฯแนะนำซื้อราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็นและคาดการณ์ Dividend yield ราว 4-5% ต่อปี

SFLEX_รายงานพิเศษ S2T (เว็บ) copy_0.jpg
 
บล.ฟินันเซีย ไซรัส  วิเคราะห์แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/68 ของ บมจ.สตาร์เฟล็กซ์ (SFLEX)  น่าจะใกล้เคียงกับที่ คาดก่อนหน้านี้คือเป็น กำไรปกติ 60.6 ล้านบาท ฟื้นตัว 12.3% จากไตรมาสก่อน จาก low season ใน 2Q25 แต่ยังลดลง 20.3% จากปีก่อน  เนื่องจากในช่วง ครึ่งหลังของปี 67 เป็นช่วงที่บริษัททำกำไรได้สูงเป็นประวัติการณ์
 
สำหรับภาพรวมของการบริโภคในประเทศในปัจจุบันแม้ว่าจะไม่ได้สดใสมากนัก แต่ความต้องการบรรจุภัณฑ์ สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าประเภท FMCG ยังพอมีอยู่บ้าง ทำให้เราคาดรายได้จากการขายในไตรมาส 3/68 ฟื้นตัวอย่างช้าๆ +2.8% จากไตรมาสก่อน, +1.0% จากปีก่อน เป็น 481.2 ล้านบาท
 
ด้านต้นทุน บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า บริษัทสามารถบริหารจัดการได้ดีมาก  ขณะเดียวกันราคาน้ำมันดิบโลกปรับลงต่อเนื่องและยังมีทิศทางขาลงต่อในระยะกลาง-ยาว ซึ่งส่งผลดีต่อ SFLEX ในฐานะผู้ผลิตปลายน้ำ แม้บริษัทอาจเผชิญแรงกดดันจากการขอเจรจาลดราคาขาย แต่บริษัทบริหารจัดการต้นทุนได้ดีกว่าที่เราเคยประเมินก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่ม Supplier ในการซื้อวัตถุดิบ ติดดั้งและใช้งาน Solar rooftop ลดการซื้อไฟฟ้าจากภายนอก เปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ทดแทนเครื่องจักรเก่า เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เป็นต้น มุมมองที่ดีขึ้นทำให้เราคาดว่า บริษัทจะสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับ 24-25% ได้ในช่วงปี 2025-26
 
อย่างไรก็ตาม เราปรับลดประมาณการกำไรปี 68-70 ลง 10%/12%/17% ตามลำดับ โดยหลักมาจากส่วนแบ่งกำไรจาก Starprint เวียดนามที่มีแนวโน้มต่ำกว่าเราเคยคาด เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่ากว่าเงินดองเวียดนามมาก ประกอบกับกำลังซื้อในประเทศที่ฟื้นช้า แม้ว่าจะชดเชยบางส่วนได้จากแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นจะดูดีกว่าที่เราเคยประเมินก่อนหน้านี้ก็ตาม

หลังปรับประมาณการกำไรปกติปี 68 -12.7% จากปีก่อน สำหรับกำไรปกติปี 69 คาดทรงตัวที่  242.3 ล้านบาท ตัวแปรหลักอยู่ที่อัตราภาษีจ่าย ที่เราตั้งสมมติฐานว่า สิทธิประโยชน์จาก BOI  ทยอยหมดลง แต่หากดูผลกำไรก่อนภาษี คาดว่าจะยังเห็นการเติบโต 7.0% จาปีก่อน
 
ดังนั้นจึงปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2026 ที่ 3.50 บาท อิง 2026E P/E 12 เท่า (-0.8SD ของ  ค่าเฉลี่ย 5 ปี) ราคาเป้าหมายดังกล่าวคิดเป็น 2026E Implied EV/EBITDA เพียง 9.9 เท่า และ 2026E P/BV ต่ำเพียง 2.1 เท่า คง คำแนะนำซื้อ จากราคาหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็นและ คาดการณ์ Dividend yield ราว 4-5% ต่อปี ทั้งนี้โครงการซื้อหุ้นคืนสิ้นสุดแล้วเมื่อ 30 ก.ย. 2025 บริษัทซื้อหุ้นคืน 28.9 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ย 2.94 บาท
 
ซึ่งสอดคล้องกับมุมมอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  SFLEX “สมโภชน์ วัลยะเสวี”  ที่ระบุว่า กลยุทธ์ครึ่งปีหลังบริษัทเดินหน้าบริหารต้นทุนอย่างต่อเนื่อง เช่น  การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ด้วยการติดตั้ง Solar Rooftop ขนาด 0.99 เมกะวัตต์ และลงทุนเพิ่มอีก 1.5 เมกะวัตต์ คาดเริ่มจ่ายไฟฟ้าในไตรมาส 3/68 มีการลงทุนในเครื่องจักร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ขยายการรองรับการผลิตที่ซับซ้อนขึ้น รวมทั้งมีการปรับปรุงเครื่องจักรเพื่อรองรับการผลิตที่สามารถสินค้าที่สามารถ recycle และย่อยสลายได้
 
นอกจากนี้ SFLEX ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยอยู่ระหว่างศึกษาข้อมูลธุรกิจต้นน้ำ หลายประเภทเพื่อสามารถควบคุมกระบวนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งให้ความสำคัญทั้งด้านการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี รวมถึง Strategic Partner ซึ่งอาจนำไปสู่การร่วมทุน (Joint Venture) เพื่อเสริมศักยภาพทางธุรกิจ รองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ตอบโจทย์ด้านความยั่งยืน (Sustainability) และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ สร้างโอกาสในการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต