จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : PIS ผลงานโดดเด่น ไทยศูนย์กลาง Data center ดันผลงานพุ่งขึ้นต่อเนื่อง


31 ตุลาคม 2568
นโยบายสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจ Data Center เริ่มได้รับการตอบรับมากขึ้น จากการตัวเลขการขอรับส่งเสริมการลงทุน ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจและผลงานของ บมจ.โปร อินไซด์ (PIS) ผู้ให้คำปรึกษา ออกแบบพัฒนา ติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัย และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารครบวงจร

PIS รายงานพิเศษ_S2T (เว็บ)_0.jpg

ประเทศไทยยังเป็นจุดการลงทุนนายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กล่าวว่า ภาพรวมการลงทุนในธุรกิจ Data Center ในไทยและพื้นที่ EEC เพิ่มขึ้นอย่างมาก จากที่มี 100 เมกะวัตต์(MW) ส่วนใหญ่ใช้ในธุรกิจธนาคาร การเงิน ตลาดหุ้นไทย แต่ปีนี้เพิ่มมาเป็นราว 5,000 เมกะวัตต์ จาก 17 ราย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และยังมีอีกหลายรายที่กำลังยื่นขอส่งเสริมการลงทุน

โดยพื้นที่ EEC ถือว่าได้เปรียบในการลงทุนที่ไม่ใช้เพียงให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและไม่ภาษี อาทิ การทำรายการเงินสกุลดอลลาร์โดยไม่แปลงเป็นเงินบาท รวมถึงการส่งเสริมในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่เข้าดูแลตั้งแต่ที่ดิน การก่อสร้าง พร้อมให้ใบอนุญาตในพื้นที่  นอกจากนี้ EEC ดูแลเรื่องไฟฟ้า และน้ำให้เพียงพอต่อธุรกิจ Data Center และต้องไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบด้วย

การขยายตัวของธุรกิจ Data Center ในไทย สอดคล้องกับมุมมองของ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ที่ระบุว่า ประเทศไทยกำลังก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในศูนย์กลางData center  สำคัญของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากกระแสการย้ายฐานการลงทุนของผู้ให้บริการขนาดใหญ่ (Hyperscaler) จากสิงคโปร์และมาเลเซียเข้ามาในไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ไทยมีโครงการดาต้าเซ็นเตอร์รวมราว 4.5–4.6 กิกะวัตต์ รองจากมาเลเซียแต่แซงหน้าสิงคโปร์ ซึ่งมีตลาดต่ำกว่า 2 กิกะวัตต์

KKP ระบุว่า จุดแข็งของไทยคือความพร้อมด้านพลังงาน ระบบโครงสร้างพื้นฐานที่มั่นคง และกระบวนการอนุญาตที่ยืดหยุ่น ขณะที่ประเทศอื่นในภูมิภาคยังมีข้อจำกัด ทั้งฟิลิปปินส์ที่เผชิญภัยธรรมชาติ อินโดนีเซียที่มีต้นทุนสูง และเวียดนามที่มีกฎระเบียบซับซ้อน โดยพื้นที่ศักยภาพของไทยขณะนี้กระจุกอยู่ในกรุงเทพฯ และเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งรองรับโครงการขนาดใหญ่ด้าน AI และคลาวด์คอมพิวติ้ง

KKP มองว่า การลงทุนในData center จะเป็น “โครงสร้างพื้นฐานใหม่ของเศรษฐกิจดิจิทัล” ที่ช่วยดึงเม็ดเงินลงทุนต่างชาติและสร้างระบบนิเวศเทคโนโลยีให้เติบโตในระยะยาว พร้อมเชื่อว่ามาตรการควบคุมการส่งออกชิปของสหรัฐฯ จะกระทบเพียงชั่วคราว ไม่เป็นอุปสรรคต่อแนวโน้มการขยายตัวของอุตสาหกรรมในไทย

ซึ่งสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ บมจ.โปร อินไซด์ (PIS) ที่ นางสาวเบญญาภา เฉลิมวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผย ทิศทางธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มเติบโตจากครึ่งปีแรก  โดยบริษัทพร้อมเดินหน้าเข้าประมูลงานโครงการของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจหลายโครงการ และปัจจุบันอยู่ระหว่างรอผลการประมูลอีกหลายโครงการ

และขณะเดียวกันบริษัทยังมองหาโอกาสทางธุรกิจในด้านอื่นๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเข้ารับงานโครงการที่มีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ และมั่นใจว่าในปีนี้บริษัทจะมีรายได้รวมเติบโตเกิน 15% แตะระดับ 3,000 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดใหม่ตามเป้าหมายที่วางไว้

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานงวดครึ่งแรกปี 2568 บริษัทมีรายได้ 1,440 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 849 ล้านบาท หรือ 144% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 591 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 152 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 108 ล้านบาท หรือ 245% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน

ปัจจัยสนับสนุนจากการทยอยรับรู้รายได้จากการส่งมอบงานโครงการของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจที่ได้รับมาในช่วงปลายปี 2567 ถึงต้นปี 2568 อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะงานด้านการรับวางระบบแบบครบวงจร (SI : System Integration) ซึ่งบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญสูง และล่าสุดบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ที่ชนะการประมูล และรอรับรู้รายได้ในอนาคตกว่า 4,944 ล้านบาท ผลักดันผลการดำเนินงานในช่วง 1-3 ปีข้างหน้าเติบโตต่อเนื่อง

"ช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากงาน SI ค่อนข้างสูง และในครึ่งปีหลังยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ พร้อมพัฒนาโซลูชันที่สอดคล้องความต้องการของลูกค้าและสามารถปรับตัวได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในปัจจุบัน เช่น การประยุกต์ใช้  AI Generative,  ระบบ Cloud-native, Cybersecurity และการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง (Advanced Analytics) รวมถึงพัฒนาบุคลากรในทักษะต่างๆ รวมถึงขยายความร่วมมือกับพันธมิตรเทคโนโลยีระดับโลก เพื่อเสริมศักยภาพในการแข่งขัน ซึ่งเป็นการดำเนินกลยุทธ์เชิงรุกในการกระจายความเสี่ยงของบริษัทฯ ให้สามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน"
PIS