รายงานพิเศษ : OR ผลงานดีขึ้นต่อเนื่องถึงปีหน้า ภาครัฐลดแทรกแซงราคาน้ำมัน ธุรกิจ Lifestyle โตตามการขยายสาขา
ผลงาน บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โบรกเกอร์คาดราคาน้ำมันที่กลับสู่ภาวะปกติ ภาครัฐลดการแทรกแซง ธุรกิจ Lifestyle ฟื้นตัวตามการขยายสาขา แนะนำ ซื้อ
บล.กรุงศรี ออกบทวิเคราะห์ บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) โดยคาดกำไรสุทธิ ไตรมาส 3/68 ราว 2,625 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ -1,609 ล้านบาท ในไตรมาส 3/67 เพิ่มขึ้น 18% จากไตรมาสก่อน หากตัดรายการพิเศษ fx loss และ oil hedging gain ออก จะมีกำไรปกติ 2,453 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,133% จากปีก่อน เพิ่มขึ้น 27% จากไตรมาสก่อน ฟื้นตัวทั้งช่วงเดียวกันของปีก่อน ลไตรมาสก่อน เพราะ
1. ธุรกิจ Mobility กำไรขั้นต้นต่อลิตร เพิ่มเป็นราว 1.01 บาท/ลิตร เพิ่มขึ้น 98% จากปีก่อน เพิ่มขึ้น 19% จากไตรมาสก่อน) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันไม่ได้ผันผวนลงเร็ว ทำให้ไม่มี stock loss ก้อนใหญ่ราว 2.9 พันลบ. มาฉุดเหมือนไตรมาส 3/67 ส่วนไตรมาสต่อไตรมาส ปรับราคาขายได้ดีขึ้นจากกองทุนน้ำมัน เชื้อเพลิงติดลบน้อยลงทำให้ ภาครัฐยืดหยุ่นในการปรับราคาหน้าปั้ม
2. ธุรกิจ Lifestyle โต y-y ปริมาณขายโต เพิ่มขึ้น10% เร่งกว่าการขยายสาขา (+6%) และอัตรากำไรเพิ่มขึ้นจากประหยัดค่าใช้จ่ายการตลาด และ outsource ซึ่งกลบธุรกิจ Global (7% ของรายได้รวม) ที่แย่ลงจากปีก่อน และจากไตรมาสก่อนตามรายได้ที่ -13% จากปีก่อน -12% จากไตรมาสก่อน ตามธุรกิจในกัมพูชาที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างประเทศ
คาดไตรมาส 4/68 กำไรฟื้นต่อ จากไตรมาสก่อน ปริมาณขายฟื้นตัวหลังออกจาก low season
ซึ่งหากกำไรปกติ ไตรมาส 3/68 เป็นไปตามคาดกำไรช่วง 9 เดือน จะคิดเป็นราว 70% ของประมาณการทั้งปีที่ 11,706 ลบ. เพิ่มขึ้น 37% จากปีก่อน เราคงประมาณการไว้คาดแนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 4/68 ฟื้นตัวต่อ จากปีก่อน และไตรมาสก่อนได้แรงหนุน
i) ธุรกิจ Mobility ปริมาณขายฟื้นตัวตามปัจจัยฤดูกาลและกำไรขั้นต้นต่อลิตรยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงราว 0.9-1.0 บาท/ลิตร (ช่วงต้น 4QTD ที่ราคาน้ำมันผันผวน บริษัทสามารถบริหารจัดการคลังน้ำมันได้
ii) ธุรกิจ Lifestyle ปริมาณขายฟื้น y-y q-q ตามการขยายสาขาและรายได้ค้าปลีกกลบธุรกิจ Global ที่ลดลง y-y จากผลกระทบในกัมพูชา
ทั้งนี้คงคำแนะนำ ซื้อ ที่ราคาเป้าหมายปี 68 ที่ 17 บาท/หุ้น คงมมมองราคาน้ำมันที่กลับสู่ภาวะปกติส่งให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของประเทศติดลบน้อยลง จะทำให้ภาครัฐลดการแทรกแซงราคาน้ำมัน
ส่งให้การปรับราคาทำได้ ยืดหยุ่นมากขึ้น หนุนกำไรขั้นต้นต่อลิตรและธุรกิจ Mobility ฟื้นตัวต่อเนื่อง คาดกำไร68-69 เพิ่มขึ้น 23% CAGR Vs PER 13-14เท่า (กรณี worst case หยุดดำเนินธุรกิจในกัมพูชาประเมินผลกระทบรวมต่อ TP25F ราว -1.3 ถึง -1.6 บาท/หุ้น )