Talk of The Town

โบรกฯ อัพเกรด OR แนะนำเป็น “ซื้อ” เพิ่มเป้า 15.5 บาท รับมาร์เก็ตแชร์พุ่ง-ค่าการตลาดโต


15 ตุลาคม 2568

OR กำลังโดดเด่น นักวิเคราะห์ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” พร้อมปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 15.5 บาท ปัจจัยพื้นฐานที่ดีขึ้น ส่วนแบ่งตลาดที่มีเสถียรภาพมากขึ้น อัตรากำไรที่ขยายตัว ธุรกิจ non-oil ที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น และอัตราผลตอบแทนปันผลที่น่าสนใจกว่า 4%

โบรกฯ อัพเกรด OR_S2T (เว็บ)_0.jpg

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ปรับคำแนะนำ OR จาก ขาย เป็น “ซื้อ” และปรับราคาเป้าหมายซึ่งปรับมาใช้ปีฐาน 2569 ขึ้นเป็น 15.5 บาท (จาก 12.0 บาท) เนื่องจาก 1.ปรับเพิ่มกำไรปี 2568-70 ขึ้น โดยปี 2568 ปรับเพิ่ม 9% ปี 2569 ปรับเพิ่ม 9% และปี 2570 ปรับเพิ่ม 10% จากแนวโน้มที่ดีขึ้นทั้งธุรกิจน้ำมัน และไม่ใช่น้ำมัน (non-oil)

2. ส่วนแบ่งตลาดของธุรกิจน้ำมันแตะจุดต่ำสุดแล้ว โดยลดลงจาก 44.7% ในปี 2564 เหลือ 34.3% ในปี 2567 และเริ่มฟื้นตัวขึ้นเป็น 34.6% ในไตรมาส 2/68

3.ราคาน้ำมันที่ลดลงช่วยหนุนค่าการตลาด โดยฟื้นตัวเป็น 1 บาท/ลิตร ในไตรมาส 3/68 เทียบกับ 0.95 บาท ในปี 2566 และ 0.83 บาท ในปี 2567

4. ธุรกิจ non-oil ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะคิดเป็น 38% ของ EBITDA รวมในปี 2571 จาก 34% ในปี 2567

และ 5.ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ P/E ที่ 13.7 เท่า ซึ่งถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับสัดส่วน 38% ของ EBITDA ที่มาจากธุรกิจ non-oil ที่มี PE สูงกว่า นอกจากนี้ OR ยังเป็นบริษัทที่มีสถานะเป็นเงินสดสุทธิ และคาดว่าจะมีอัตราผลตอบแทนปันผลที่ 4% ในปี 2568-69

ส่วนแบ่งตลาดค้าปลีกน้ำมันค้าเริ่มมีเสถียรภาพ โดยยอดค้าปลีกน้ำมันของ OR ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ จึงปรับเพิ่มประมาณการปริมาณขายเป็นลดลง 2% ในปี 2568 (จากเดิมคาดลดลง 6%) เทียบกับการลดลง 10% ในปี 2567ขณะที่คาดว่าจะเติบโต 2% ในปี 2569-70 ส่วนแบ่งตลาดปรับตัวดีขึ้นเป็น 34.6% ในไตรมาส 2/68 จาก 34.3% ในปี 2567 โดยคาดว่าส่วนแบ่งตลาดจะมีเสถียรภาพที่ระดับปัจจุบันที่ 34% OR ได้ดำเนินกิจกรรมทางการตลาดและโปรโมชั่นอย่างเข้มข้นมากขึ้น โดยผู้บริหารตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดขึ้นอีก 1–2%

นอกจากนี้คาดว่าจะเห็นการขยายตัวของอัตรากำไรทั้งในธุรกิจน้ำมัน และธุรกิจ non-oil สำหรับธุรกิจน้ำมัน ราคาน้ำมันที่ต่ำจะช่วยสนับสนุนค่าการการตลาด เนื่องจากแรงกดดันด้านราคาและความเสี่ยงจากการแทรกแซงของรัฐบาลลดลง คาดว่าค่าการตลาดอยู่ที่ 1 บาทต่อลิตร ในปี 2568-71 เทียบกับ 0.9 บาทต่อลิตร ในปี 2565-67

สำหรับธุรกิจ non-oil การปิดตัวของ Texas Chicken ที่มีผลขาดทุนในเดือนกันยายน 2567 และ operating leverage ที่ดีขึ้นจากการเติบโตของรายได้ช่วยส่งเสริมให้อัตรากำไรดีขึ้น EBITDA margin เพิ่มขึ้นเป็น 29% ในครึ่งปีแรกของปี 68 จาก 25.7% ในปี 2566 และ25.9% ในปี 2567 ยอดขายของ Café Amazon ทำสถิติสูงสุดที่ 107 ล้านแก้วต่อไตรมาส เติบโต 5% ในไตรมาส 2/68 และมีแนวโน้มจะทำสถิติใหม่ในไตรมาส 3/68 จึงปรับสมมติฐาน EBITDA margin ของธุรกิจ non-oil ขึ้นเป็น 29% ในปี 2568-70

สำหรับผลกระทบจากกัมพูชามีไม่มาก โดยกัมพูชาคิดเป็นราว 5% ของกำไร OR ในปี 2567 (ประมาณ 600 ล้านบาท) โดยมีกำไรประมาณ 300 ล้านบาทในครึ่งแรกปี 2568  ซึ่งสมมติให้ในช่วงครึ่งหลังปี 2568 และตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป ไม่มีกำไรจากกัมพูชา แม้ว่า OR จะยังคงดำเนินงานในกัมพูชา แต่ได้หยุดการขยายกิจการเพิ่มเติมแล้ว ขณะที่ผู้บริหารคาดว่ากำไรจากภูมิภาคอื่นจะเติบโตแข็งแกร่งขึ้นชดเชยกำไรที่ลดลงจากกัมพูชา

OR