Talk of The Town

OR เดินกลยุทธ์เด็ด! ปรับพอร์ตธุรกิจในเวียดนาม เพิ่มโอกาสเติบโตระยะยาว


09 ตุลาคม 2568
S__24133645.jpg

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR  ได้มีมติอนุมัติให้ PTTOR International Holdings (Singapore) Pte. Ltd. (SG HoldCo) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อมของ OR ผ่าน บริษัท พีทีทีโออาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด (OR HoldCo) ดำเนินการเลิกบริษัท ORC Coffee Passion Group Joint Stock Company (“ORCG”) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนในสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามที่ SG HoldCo ถือหุ้น 60% และกลุ่มบริษัท เซ็นทรัล เiสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (CRG) ถือหุ้น 40%


ทั้งนี้เป็นผลมาจากสภาพตลาดมีการแข่งขันสูง ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และเป้าหมายทางธุรกิจ โดยการเลิกกิจการของ ORCG ดังกล่าว ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของ OR

อย่างไรก็ตาม จากการยกเลิกกิจการของ ORCG ในครั้งนี้ นักวิเคราะห์ต่างมองเป็นเสียงเดียวกันว่า “เป็นบวกต่อ OR” ไม่ได้กระทบภาพรวมธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ และเป็นการหยุดรับรู้ขาดทุน

โดยความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) มอง เป็นบวกเล็กน้อยต่อการตัดสินใจปิดกิจการคาเฟ่อะเมซอนในเวียดนาม ที่ไม่ได้กระทบภาพรวมธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ และเป็นการหยุดรับรู้ขาดทุน 

ทั้งนี้มองการบันทึกส่วนแบ่งขาดทุนเพิ่มในไตรมาส 4/68 ราว -80 ล้านบาท (ด้อยค่าฯ และ ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) คิดเป็นราว -0.7% ของกำไรปี 2568 ที่ราว 11,706 ล้านบาท เติบโต 37% จากปีก่อน ไม่ได้กระทบอย่างมีนัยสำคัญ และ  หยุดการที่ต้องรับส่วนแบ่งขาดทุนปีละ 40-60 ล้านบาท

ดังนั้นคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 17 บาท ธุรกิจ Mobility อยู่ในขาฟื้นตัวตามกำไรขั้นต้นต่อลิตร จากรัฐแทรกแซงราคาน้อยลง หนุนกำไรปกติโตเฉลี่ย 23% CAGR ในช่วงปี 2568-69 เทียบกับ PER 12-13 เท่า

เช่นเดียวกันกับนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) มีมุมมองเชิงบวกต่อข่าวดังกล่าวเนื่องจากบริษัทจะไปต้องรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากการทำธุรกิจนี้อีกต่อไป (ในปี 2567 OR รับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนราว 50-60 ล้านบาท)

จากธุรกรรมดังกล่าวคาดว่าบริษัทจะมีการบันทึกส่วนแบ่งขาดทุนประมาณ 70-80 ล้านบาทในไตรมาส 4/68 (คิดเป็นดาวน์ไซด์ต่อประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ราว 1%)

ดังนั้นประเด็นดังกล่าวจะเป็น positive sentiment ต่อราคาหุ้น นอกจากนี้ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของ OR น่าจะช่วยให้บริษัทสามารถรักษาอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลให้อยู่ในช่วง 3.6-4.0% ต่อไปในอนาคตได้ จึงยังคงคําแนะนํา “ถือ”

ขณะที่ความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) มองว่า เป็นผลดีต่อผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในระยะยาว เนื่องจากตั้งแต่ปี 2564 OR รับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมทุนดังกล่าว เฉลี่ยปีละประมาณ 40 ล้านบาท โดยเป็นผลมา จากการแข่งขันที่สูงของธุรกิจกาแฟในเวียดนาม

ดังนั้นคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายกลางปี 2569 ที่ 16.20 บาท เนื่องจาก 1.อัตราการเติบโตของกำไรสุทธิปี 2568 ของบริษัทฯ ยังน่าสนใจ โดยคาดว่าจะขยายตัวราว 55% จากปีก่อน

2. มูลค่าหุ้นอยู่ในระดับที่ไม่แพง โดยซื้อขายที่ PER ที่ 14 เท่า หรือคิดเป็น PEG ที่ 0.4 เท่า 3. สถานะกองทุนน้ำมันฯ ติดลบเหลือเพียง 17,838 ล้านบาท โดยคาดว่าจะพลิกเป็นบวกภายใน 3-4 เดือน ซึ่งจะสร้าง upside ให้กับค่าการตลาดในอนาคต

S__24133644.jpg
OR