STECON งานเข้าไม่หยุด! 2 เดือนรับอื้อ! มูลค่ารวมเกิน 8 พันล้าน ตุน backlog กว่า 1 แสนลบ.

อีกหนึ่งหุ้นที่น่าจับตาอย่าง บริษัท สเตคอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ STECON เพราะ ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ประกาศรับงานใหม่อย่างต่อเนื่อง มูลค่ารวมกันกว่า 8,049 ล้านบาท

ล่าสุดรายงานว่า บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (STEC) บริษัทย่อยของบริษัทฯ ได้ลงนามสัญญาก่อสร้างโครงการ นิว เอปิค อโศก-พระราม 9 จาก บริษัท เวอร์ติคอล พระราม 9 อัลไลแอนซ์ 1 จำกัด มูลค่า 4,400,000,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) 

โดยเป็นงาน ก่อสร้างอาคารคอนโดมิเนียม จำนวน 1 อาคาร ประกอบด้วย 4 ทาวเวอร์ (ทาวเวอร์เอ สูง 47 ชั้น ทาวเวอร์บี สูง 47 ชั้น ทาวเวอร์ซี สูง 34 ชั้น และ ทาวเวอร์ดี สูง 32 ชั้น รวมถึงส่วนประกอบอื่นๆ ระยะเวลาการก่อสร้าง : 31 เดือน นับถัดจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน

รวมทั้งบริษัท สเตคเอ็กซ์ เวนเจอร์ส จำกัด (STECX) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยถือหุ้น 99.99% ได้เข้าซื้อเงินลงทุนในบริษัท เวอร์ติคอล พระราม 9 อัลไลแอนซ์ 1 จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ NOBLE ในสัดส่วน 50% มูลค่า 610 ล้านบาท เพื่อเพิ่มฐานลูกค้าภาคเอกชนและขยายประเภทลูกค้าของธุรกิจก่อสร้าง

หากย้อนกลับไปในช่วง 2 เดือนมานี้ พบว่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค.2568 รายงานว่า  STEC ได้ลงนามสัญญาก่อสร้างโครงการ ก่อสร้างถังเก็บน้ำใส ขนาด 80,000 ลูกบาศก์เมตร ที่สถานีสูบจ่ายน้ำบางพลี พร้อมงานที่เกี่ยวข้อง สัญญา G-BP-๙  มูลค่าโครงการ : 997,500,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

และ STEC บริษัทย่อยของบริษัทฯ ได้ลงนามสัญญาก่อสร้างโครงการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ส่วนต่อขยายเชื่อมต่อสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา  มูลค่าโครงการ  2,651,988,700 บาท รวม ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% สำหรับสัดส่วนงบประมาณของรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย (20% ของมูลค่าสัญญา) ระยะเวลาการก่อสร้าง 1,080 วัน

ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มองว่า ประเด็น TECON แจ้งเข้าซื้อหุ้นในเวอร์ติคอล พระราม 9 อัลไลแอนซ์ 1 และเซ็นสัญญางานใหม่ 4.4 พันล้านบาท

ทั้งนี้มองเป็นบวก โดยเป็นไปตามกลยุทธ์ของบริษัทในการขยายธุรกิจอื่นมากขึ้นนอกเหนือจากธุรกิจก่อสร้าง ขณะที่การเซ็นสัญญางานใหม่ดังกล่าวจะคิดเป็นสัดส่วนราว 4% ของ backlog รวมที่ 1 แสนล้านบาท และส่งผลให้นับจาต้นปีถึงปัจจุบัน บริษัทเซ็นงานใหม่แล้วรวม 3 หมื่นล้านบาท 

สำหรับแนวโน้มไตรมาส 3/68 เบื้องต้นคาดการณ์กำไรปกติจะโตต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน จากงานก่อสร้าง progress ต่อเนื่อง, GPM ทรงตัวสูงตาม project mix และการจัดการต้นทุนดีขึ้น, และการหยุดรับรู้ขาดทุนจากสายสีชมพูและสีเหลืองตั้งแต่ไตรมาส 2/68

 ขณะที่เหตุการณ์ถนนยุบหน้า รพ.วชิรพยาบาล คาดการณ์จะมีเงินประกันครอบคลุม ทำให้ผลกระทบมีโอกาสน้อยกว่าคาด ทั้งนี้คงกำไรปกติปี 2568 ที่ 847 ล้านบาท ฟื้นจากขาดทุนปกติปี 2567 ที่ -1.3 พันล้านบาท คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 10.00 บาท