หุ้นไทยวิ่งแรง แต่เสี่ยงสะดุด! จับตา 1 ส.ค.นี้ ทางรอด-ร่วง ภาษีทรัมป์ชี้ชะตา SET Index
นักวิเคราะห์เผย กรณีที่ ไทย-สหรัฐฯ ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าได้ทัน และไทยโดนอัตราภาษี 36% อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อราคาหุ้นที่ขึ้นมา-ถูกเร่งขายทำกำไรระยะสั้น แนะกลยุทธ์ แตะเบรกเก็บกระสุนไว้รอความชัดเจนอีกครั้งในสัปดาห์หน้า
นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดวันนี้ หลังจากหุ้นไทยพุ่งชนแนวต้านแรก 1,240 จุด แล้ว คาดมีแนวโน้มทดสอบแนวต้านถัดไป 1,250 จุด แต่จากจุดนี้ไป “ขอเริ่มแตะเบรก” เพราะความไม่แน่นอนจากปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค คือ อัตราภาษีตอบโต้สหรัฐฯที่มีต่อไทย 36% ยังต้องรอข้อสรุปหลังพ้นเส้นตาย วันที่ 1 ส.ค.นี้
กรณีที่ ไทย-สหรัฐฯ ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าได้ทัน และไทยโดนอัตราภาษี 36% อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อราคาหุ้นที่ขึ้นมา-ถูกเร่งขายทำกำไรระยะสั้นแต่สุดท้ายจะลงรุนแรงในระดับใด คงต้องขึ้นอยู่กับ แนวทางในการยื่นข้อเสนอกลับไปรอบใหม่เพิ่มเติมและยังมีความหวังในการเจรจาอีกครั้ง ซึ่งความหวังนี้จะช่วยจำกัดความเสี่ยงขาลงหุ้นไทย
แต่กรณีที่อัตราภาษีตอบโต้ จบลงได้ก่อนเส้นตาย ในอัตราภาษีกรณี Base case ที่ BLS Research ประเมินความน่าจะเป็นคือ 25% กลยุทธ์คาดว่าหุ้นไทยจะบวกขึ้นต่อ และมีโอกาสผ่าน 1,250 จุด โดยกรณีดีสุดคือ 20% อาจหนุนหุ้นไทยบวกได้ต่อเนื่อง
ดังนั้นเมื่อเข้าสู่ช่วงโค้งสำคัญ กลยุทธ์แนะนำ แตะเบรกเก็บกระสุนไว้รอความชัดเจนอีกครั้งในสัปดาห์หน้า โดยจะยังถือหุ้นตามพอร์ตกลยุทธ์ไว้ก่อนและไม่เพิ่มการเก็งกำไรหุ้น โดยกลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ ถือหุ้นปันผล เริ่มสะสมหุ้นต้นรอบ ดักงบการเงินไตรมาส 2 และปันผลระหว่างกาล
ส่วนความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า นับถอยหลัง 1 วัน ก่อนที่มาตรการ TARIFF จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค. 68 โดยสหรัฐฯ ทยอยประกาศข้อตกลง ทางการค้ารอบใหม่ เพื่อแลกกันการปรับลดอัตราภาษีให้กับหลายประเทศ ทั้งอังกฤษ, เวียดนาม, อินโดนีเซีย, จีน, ฟิลิปปินส์, ญี่ปุ่น,ยุโรป รวมถึงกลุ่มประเทศเล็ก อาทิ ละตินอเมริกา, แคริบเบียน,แอฟริกา ที่จะถูกเก็บภาษีพื้นฐานที่ 10%
ส่วน “เกาหลีใต้” บรรลุดีลการค้ากับสหรัฐฯแล้ว โดยได้ภาษีนำเข้าเหลือ 15% จาก 25% แลกกับจะซื้อก๊าซ LNG และผลิตภัณฑ์พลังงานอื่น ๆ มูลค่า 1 แสนล้านเหรียญฯในช่วง 3 ปีข้างหน้า บวกกับลงทุนโครงการในอเมริกา 3.50 แสนล้านเหรียญฯ
ขณะที่ประเทศไทย ได้ส่งดีลรอบสุดท้ายในให้กับสหรัฐฯแล้ว ลุ้นสหรัฐฯ เก็บภาษีต่ำกว่า 36% หรือไม่ ? อย่างไรก็ตาม หากประเมินมูลค่าผลประโยชน์ที่สหรัฐฯ จะได้รับจากข้อเสนอของ “ไทย” คาดการณ์ว่าจะอยู่ราว 12.5 – 14 พันล้าน เหรียญฯ ซึ่งใกล้เคียงกับมูลค่าที่ประเมินไว้ของอินโดนีเซีย, ยุโรป และเวียดนาม ทำให้เกิดความคาดหวังว่าสหรัฐฯ จะ เก็บภาษีไทยในระดับที่ไม่ต่างกันมาก คาดอยู่ในกรอบ 15%-20%
ทั้งนี้จึงทำให้กระทรวงการคลังปรับเพิ่ม GDP ปี 68 โต 2.2% ดีกว่าประมาณการครั้งก่อนเดือนเม.ย.68 ที่ 2.1% โดยมี ปัจจัยสนับสนุนจากการผลิตภาคอุตสาหกรรม และการส่งออกที่ขยายตัวดีกว่าที่คาดไว้ ประกอบกับการบริโภค ภายในประเทศ ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกันกับ ธปท. และ ADB ที่ปรับเพิ่มประมาณการ GDP ไทย เช่นกัน
อย่างไรก็ตามแม้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ดีในช่วงครึ่งแรกปี 68 แต่จำเป็นต้องติดตามทิศทางเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังปี 68 ไว้ให้ดีที่อาจเผชิญความท้าทายจากแรงกดดันจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลกระทบต่อไทยทั้ง ทางตรง และทางอ้อม ซึ่งรัฐบาลเตรียมจัดสรรเม็ดเงินราว 1 หมื่นล้านบาท จากวงเงินงบประมาณ 1.15 แสนล้านบาท เพื่อใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อช่วยเหลือผลกระทบจาก TRADE TARIFF 2.0 ไว้ระดับหนึ่งแล้ว
ดังนั้น ในช่วงก่อนวันรู้ผล 1 วัน ฝ่ายวิจัยฯแนะนำ WAIT AND SEE หรือถือเงินสดไว้ในพอร์ตราว 5-10% แต่หาก ประสงค์อยากได้ CAPITAL GAIN ก็ถือเป็นจังหวะสะสมที่ดี เนื่องจากดัชนีที่ระดับดังกล่าว VALUATION เด่นพร้อม กับการเติบโตของ EPS GROWTH ในปีนี้
ยอดนิยม
%20copy_0.jpg)
SCC แจกหนัก! ปันผลกลางปี 2.5 บาท คิดเป็น 92% ของกำไร หลัง Q2 ฟันกำไร 1.7 หมื่นล้าน โต 368%
%20copy_0.jpg)
BH เผยกำไรครึ่งปีลดลง 8.3% เหตุรายได้ผู้ป่วยต่างชาติ-ไทยหด บอร์ดเคาะปันผลระหว่างกาล 2 บาท
%20copy_0.jpg)
สื่อนอกตีข่าว! สหรัฐฯ ปิดดีลภาษีกับไทยแล้ว โบรกฯ ชี้เป็น Sentiment บวกต่อ SET
%20copy_0.jpg)
หุ้นไทยวิ่งแรง แต่เสี่ยงสะดุด! จับตา 1 ส.ค.นี้ ทางรอด-ร่วง ภาษีทรัมป์ชี้ชะตา SET Index
%20copy_0.jpg)