โบรกฯ แนะเพิ่มน้ำหนักลงทุน หุ้นปลอดภัยกลุ่ม Utilities - ICT คาด Q3 พีอีหุ้นไทยยืน 13-14 เท่า
บล.ทรีนีตี้ ระบุว่าสำหรับนักลงทุนที่ถือครองหุ้นมาก่อนหน้านี้ มองว่าสามารถ Let profit run ต่อไปได้ เนื่องจากระดับดัชนีล่าสุดยังไปไม่ถึงเป้าหมายในกรณี Conservative ของเราประจำไตรมาสนี้ที่ 1180 จุด อย่างไรก็ตาม สำหรับการลงทุนใหม่นั้น มองว่าจำเป็นต้อง Wait & See ไปก่อน จนกว่าจะเห็นความชัดเจนทางด้านการเจรจาการค้าระหว่างทีมไทยแลนด์และสหรัฐฯมากกว่านี้
สำหรับปัจจัยวันนี้ แนะนำติดตามการเสนอชื่อผู้ว่าธปท.คนใหม่โดย รมว.คลัง ให้กับคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ซึ่งล่าสุดเริ่มมีกระแสว่าอาจออกมาเป็นคุณวิทัย รัตนากร เรามองว่าไม่ว่าสุดท้ายใครจะมา โจทย์ใหญ่ที่คงต้องเร่งแก้ไขก็คือ ประเด็นการเข้าถึงสินเชื่อของรายย่อย และการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ส่วนประเด็นการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น เชื่อว่าในบริบทปัจจุบัน การอาศัยเครื่องมือจากนโยบายการเงินเพียงอย่างเดียว คงจะไม่เพียงพอที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยขึ้นมาได้
ทั้งนี้ไม่เห็นพัฒนาการใดๆในฝั่งของตลาด Swaps โดยอัตรา Swap 3 เดือนล่วงหน้ายังคง Price in โอกาสในการลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ในช่วงดังกล่าวอยู่ที่ความน่าจะเป็น 54% ซึ่งเราเชื่อว่าตลาดมีโอกาสจะเดินหน้าเพิ่มระดับความน่าจะเป็นนี้ต่อไปได้ หากเป็นเช่นนั้น ก็จะส่งผลให้ Bond yield ของไทยโดยเฉพาะรุ่นระยะสั้นปรับตัว Sideways down ต่อไปในระยะข้างหน้า ทั้งนี้ เรามองว่าตราสารหนี้ไทยยังคงมีความได้เปรียบภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ และยังคงเป็นสินทรัพย์ที่เราแนะนำให้นักลงทุน ‘Overweight’ ต่อไป
ส่วนผลกระทบในฝั่งตัวหุ้นนั้น ประเมินในระยะสั้น อาจมีแรงเก็งกำไรในกลุ่ม Rate-sensitive เข้ามาผสมผสานอยู่บ้าง เช่น ไฟแนนซ์ อสังหาฯ แต่ด้วยศักยภาพของ Earnings และสภาวะตลาดหุ้นกู้ที่ยังคงเปราะบาง ทำให้เรามองว่าเพื่อความปลอดภัย ควรหันไปโฟกัสกลุ่ม Bond-like อย่าง Utilities และ ICT น่าจะเป็นกลยุทธ์ที่ปลอดภัยมากกว่า โดยทั้ง 2 กลุ่มนี้ถือเป็น Sector ที่เรา แนะนำให้ Overweight ประจำไตรมาสที่ 3 นี้ด้วย
ส่วนผลกระทบของทิศทางดอกเบี้ยที่มีต่อ SET Index นั้นต้องบอกว่าเป็นตัวแปรที่เรา Incorporate มายังการคำนวณดัชนี SET ที่เหมาะสมตามวิธี PE Model ก่อนหน้านี้แล้ว โดยมีสมมติฐานหลักคือการลดดอกเบี้ยอีก 0.25% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งจะทำให้ระดับ Forward PE ที่เหมาะสมในกรณี Conservative และ Base case ของเราอยู่ที่ 13x และ 14x ตามลำดับ โดยหากอ้างอิงกับคาดการณ์ EPS ของ SET ปัจจุบันที่ยังคงเกาะอยู่แถวสมมติฐานเดิมของเราที่ 91 บาท จะได้ว่าระดับดัชนี SET ที่เหมาะสมใน 2 กรณีดังกล่าวยังคงอยู่ที่ 1180 และ 1270 จุดตามลำดับ