GULF ทุ่มเงิน 1.1 พันลบ. ซื้อโรงไฟฟ้า-โรงผลิตเชื้อเพลิงขยะอุตฯ คาดเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ปี 2570
GULF ทุ่มงบกว่า 1,100 ล้านบาท เข้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าขยะจำนวน 12 โครงการ กำลังการผลิต 96 เมกะวัตต์ คาดเตรียมดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2570
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯว่าตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติเห็นชอบหลักการการรับซื้อไฟฟ้าและอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรมในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561–2580 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 (PDP2018 Rev.1) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดของประเทศ
โดยแนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของบริษัทในการเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ควบคู่กับการบริหารจัดการขยะอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพผ่านการสร้างมูลค่าเพิ่มจากของเสีย ตลอดจนสนับสนุนนแนวนโยบายของภาครัฐในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว (Bio Circular Green Economy: BCG)
ดังนั้น บริษัทจึงได้ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมภายใต้แผนดังกล่าวจำนวน 12 โครงการ กำลังการผลิตตามสัญญารวม 96 เมกะวัตต์ และโครงการโรงงานผลิตเชื้อเพลิงแข็งจากขยะอุตสาหกรรม (Solid Recovered Fuel: SRF) จำนวน 3 โครงการ ผ่านบริษัท กัลฟ์ เวสท์ ทู เอ็นเนอร์จี โฮลดิ้งส์ จำกัด (GWTE) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้น 100%
บริษัทขอแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทราบว่า เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 GWTE ได้เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดที่บริษัทเอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ETC ถือในโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม และซื้อหุ้นทั้งหมดที่บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) หรือ BWG ถือในโครงการโรงงานผลิตเชื้อเพลิงแข็งจากขยะอุตสาหกรรม ซึ่งคิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนรวมทั้งสิ้นประมาณ 1,100 ล้านบาท ส่งผลให้โครงการทั้งหมดดังกล่าวเป็นบริษัทย่อยของ GWTE โดยมีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือหุ้นดังต่อไปนี้
1.โครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมภายใต้บริษัท เก็ท กรีน พาวเวอร์ จำกัด จำนวน 10 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 80เมกะวัตต์ซึ่งเดิม GWTE และ ETC ถือหุ้นเท่ากันในสัดส่วน 50% เป็น GWTE ถือหุ้นในสัดส่วน 100%
2.โครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมภายใต้บริษัท ซันเทค อินโนเวชั่น พาวเวอร์ จำกัด จำนวน 2 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 16 เมกะวัตต์ ซึ่งเดิม GWTE ETC และบริษัท เวสท์เทค เอ็กซ์โพเนนเชียล จำกัด (WTX) ถือหุ้นในสัดส่วน 34%, 33% และ 33% ตามลำดับ เป็น GWTE และ WTX ถือหุ้นในสัดส่วน 67% และ 33% ตามลำดับ
3.โรงงานผลิตเชื้อเพลิงแข็งจากขยะอุตสาหกรรมภายใต้บริษัท เซอร์คูลาร์ แคมป์ จำกัด จำนวน 3 โครงการ ซึ่งเดิม GWTE และ BWG ถือหุ้นเท่ากันในสัดส่วน 50% เป็น GWTE ถือหุ้นในสัดส่วน 100%
ทั้งนี้ บริษัทเล็งเห็นศักยภาพในการเติบโตของโครงการในระยะยาว และเชื่อมั่นว่าการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างความคล่องตัวในการบริหารจัดการโครงการให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมทั้งหมด 12 โครงการดังกล่าว ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟภ. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2570 ในขณะที่โครงการโรงงานผลิตเชื้อเพลิงจากขยะอุตสาหกรรม มีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปีเดียวกัน หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมในการพัฒนาโครงการ บริษัทจะแจ้งรายละเอียดให้ทราบต่อไป