Talk of The Town

หุ้นค้าปลีกไทยสะดุด! ไตรมาส 2 ยอดขายติดลบ 4.6% โบรกฯ “หั่น” น้ำหนักลงทุน เหตุกำลังซื้อหด


10 มิถุนายน 2568

หุ้นกลุ่มค้าปลีกกำลังอ่อนแอ โบรกฯ ชี้ยอดขายสาขาเดิมไตรมาส 2/68 ติดลบหนักกว่า 4.6% แบกรับผลกระทบแผ่นดินไหว ความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ รวมถึงอากาศที่ร้อนน้อยกว่าปีก่อน แถมภาพรวมภาคการบริโภคของไทยดูอ่อนแอในระยะสั้น จึงปรับลดน้ำหนักการลงทุน เป็น “เท่ากับตลาด”

หุ้นค้าปลีกไทยสะดุด!_S2T (เว็บ)_0.jpg

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หุ้นกลุ่มค้าปลีกกำลังซื้อชะลอ ปรับลดน้ำหนักการลงทุน โดย เงินเฟ้อทั่วไป (CPI) เดือนพ.ค.2568 หดตัว 0.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ติดลบเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน แม้เงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ยังขยายตัว 1.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนว่าแรงกดดันหลักอยู่ในหมวดพลังงานและอาหารสดไทย ยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด

อย่างไรก็ตามตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากหอการค้าไทยลดลงอย่างต่อเนื่องและเดือนเม.ย.เป็นระดับต่ำ สุดในรอบ 7 เดือน จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ค่าครองชีพสูง และปัญหาสงครามการค้า 

โดยคาดตัวเลขเดือนพ.ค. (คาดรายงานสัปดาห์นี้) จะทรงตัว ในระดับต่ำ ถือเป็น Sentiment เชิงลบต่อภาคการบริโภค สอดคล้องกับตัวเลขนับจากต้นไตรมาส 2/2568 ถึงปัจจุบันของหุ้นในกลุ่มค้าปลีกภายใต้ Coverage ที่การเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) นับจากต้นไตรมาส 2/2568 ถึงปัจจุบัน ติดลบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนมากขึ้นเมื่อเทียบกับที่ทำได้ในไตรมาส 1/2568

สำหรับ SSSG หุ้นกลุ่มค้าปลีกใน Coverage นับจากต้นไตรมาส 2/2568 ถึงปัจจุบัน เฉลี่ยอยู่ที่ -4.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จาก Sentiment ลบของแผ่นดินไหว (ปลายไตรมาส 1/2568) ความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ รวมถึงอากาศที่ร้อนน้อยกว่าปีก่อนกดดันยอดขายเครื่องทำความเย็นและกลุ่มเครื่องดื่ม รวมถึงการชะลอตัวของภาคท่องเที่ยว

โดยกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค SSSG เฉลี่ยติดลบ 0.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อ่อนแอลงเมื่อเทียบกับ เพิ่มขึ้น 0.7% ในไตรมาส 1/2568 ที่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐฯ เข้ามาช่วยหนุนภาคการบริโภค ทำให้นับจากต้นไตรมาส 2/2568 ถึงปัจจุบัน CPALL และ CPAXT ทำได้ใกล้เคียงช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ BJC และธุรกิจอาหารของ CRC ติดลบเล็กน้อย 1-3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 

ส่วนกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยและ Home Improvement SSSG เฉลี่ยติดลบ 8.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เทียบกับติดลบ 3.5% ในไตรมาส 1/2568 CRC ถูกกดดันในธุรกิจสินค้าฟุ่มเฟือย Fashion และ Hardline รวมไปถึงผลกระทบค่าเงินบาท/ดองและยูโรแข็งค่า GLOBAL และ HMPRO กำลังซื้อผู้บริโภคอ่อนแอต่อเนื่อง พิจารณารายเดือนพ.ค. ติดลบน้อยลงจากเดือนก่อนขณะที่ DOHOME อ่อนแอลงจากกิจกรรมก่อสร้างที่ชะลอ

ขณะที่ แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2568 ของกลุ่มคาดลดลงจากไตรมาสก่อน ตามปัจจัยฤดูกาล แต่ทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลักๆ มาจากฐานกำไรของ CPALL และ CPAXT ที่ SSSG ประคองตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน, มียอดขายเพิ่มขึ้นจากสาขาใหม่, กลยุทธ์การเพิ่ม GPM และผลบวกจาก Synergies ของ CPAXT 

ในขณะที่ผู้ประกอบการรายอื่น คาดผลประกอบการลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามกำลังซื้อของผู้บริโภคที่อ่อนแอโดยเฉพาะกลุ่ม Home Improvement ที่ ตัวเลขนับจากต้นไตรมาส 2/2568 ถึงปัจจุบัน อ่อนแอกว่าคาด และยังไม่เห็นสัญญาณการกลับตัวในระยะสั้นจากการเข้าช่วงหน้าฝน หรือ Low Season ของธุรกิจค้าปลีก 

ทำให้ปรับลดสมมติฐาน SSSG ส่งผลให้กำไรปกติปี 2568-69 ของกลุ่ม Home Improvement ปรับลง 7-13% เป็น 8.8 พันล้านบาท ลดลง 8% จากปีก่อน และ 9.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อน ตามลำดับ โดยปรับลดคำแนะนำลงเป็น “TRADING” อิงราคาเหมาะสมใหม่ ดังนี้ DOHOME (ราคาเป้าหมาย 3.20 บาท), GLOBAL (ราคาเป้าหมาย 5.40 บาท) และ HMPRO (ราคาเป้าหมาย 8.20 บาท)

อย่างไรก็ตาม คาดราคาหุ้นกลุ่มค้าปลีกที่ปรับลงมากกว่าตลาดในช่วง 1-3 เดือนที่ผ่านมาสะท้อนปัจจัยลบจาก กำลังซื้อของผู้บริโภคที่อ่อนแอไปมาก ระดับ Valuation ของหุ้นในกลุ่มส่วนใหญ่ซื้อขายบน PER25 ต่ำ กว่า -2SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี สะท้อน Downside ที่จำกัดมากแล้ว 

แต่ ตัวเลขชี้วัดทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว และความไม่แน่นอนจากผลกระทบจากการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ต่อเศรษฐกิจของไทย ทำให้เราปรับน้ำหนักการลงทุนกลุ่มค้าปลีกลงเป็น “เท่ากับตลาด” ยังคงเลือก CPALL (ราคาเป้าหมาย65.00 บาท) เป็นหุ้นเด่นของกลุ่ม