Talk of The Town

นักวิเคราะห์ เตือนแรง! หุ้นไทยหมดรอบฟื้นตัว แนะถือเงินสด เหตุเศรษฐกิจเจอแรงกดดันหนัก


07 พฤษภาคม 2568

เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับแรงกดดันอย่างมาก ทั้งจากปัจจัยภายใน และภายนอกประเทศ ภาคการท่องเที่ยวก็เริ่มชะลอตัว โบรกฯ ชี้ใกล้จบการฟื้นตัวของตลาด แนะนำตั้งรับมากขึ้นไปอีก โดยปรับพอร์ตลงทุนเน้นความ defensive มากขึ้นแนะนำให้นักลงทุน กระชับพอร์ต ถือเงินสดเพิ่มเพื่อรอจังหวะหาหุ้นเล่นรอบรอบใหม่ และระวังแรงขาย Sell on fact ระยะสั้น

นักวิเคราะห์ เตือนแรง!_S2T (เว็บ) copy_0.jpg

นักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับแรงกดดันอย่างมาก ทั้งจากปัจจัยภายใน และภายนอกประเทศ ขณะที่ตลาดสินเชื่อที่ตึงตัวมากขึ้นกำลังทำให้เศรษฐกิจภายในตกต่ำลง และปัจจัยขับเคลื่อนจากภายนอกเริ่มมีความเสี่ยง เรามองว่าการฟื้นตัวของ SET จากระดับต่ำสุดกำลังจะสิ้นสุดลง และเพิ่มระดับ defensive ของพอร์ตการลงทุน

ทั้งนี้แม้กำไรของธนาคารจะเติบโต 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 13% จากไตรมาสก่อน ในไตรมาส 1/68 แต่ปัจจัยผลักดันหลักมาจากกำไรจากการลงทุนและการบริหารต้นทุน ตัวชี้วัดสำคัญทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการเติบโตของสินเชื่อ NIM และการตั้งสำรอง ต่างก็ส่งสัญญาณชัดเจนถึงแนวโน้มเศรษฐกิจที่อ่อนแอ เมื่อธนาคารจำกัดการปล่อยสินเชื่อเข้มงวดมากขึ้น ก็น่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจภายในประเทศยิ่งถดถอยลงไปอีก

ขณะเดียวกัน โครงการปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาล “คุณสู้ เราช่วย” ก็ยังไม่สามารถช่วยผ่อนคลายนโยบายการเงินได้ การคาดการณ์ของเราว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะลดลงสู่ระดับ 1.50% และ 1.25% ในปี 2568-69 จากระดับปัจจุบันที่ 1.75% นั้น มีแนวโน้มที่จะเป็นเพียงเบาะรองรับไม่ใช่ปัจจัยขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม ตลอดช่วงสองปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยพึ่งพาปัจจัยภายนอกเป็นหลัก ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่อ่อนแอ แต่ปัจจุบันการส่งออกและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) กำลังเผชิญกับความเสี่ยงจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ

ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวก็เริ่มชะลอตัวก่อนผลกระทบจากนโยบายภาษีจะลุกลามไปยังเศรษฐกิจโลก ส่วนในประเทศ อุปสรรคด้านนโยบายทำให้การฟื้นฟูเศรษฐกิจทำได้ยาก

ในด้านนโยบายการเงิน การปล่อยกู้ที่เข้มงวดของธนาคารจะทำให้การลดอัตราดอกเบี้ยมีประสิทธิภาพน้อยในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้ง่ายๆ นโยบายการเงินของไทยยังเป็นแบบ conventional มุ่งเป้าหมายการควบคุมเงินเฟ้อ (inflation targeting interest rate policy) ทำให้ยากต่อการใช้นโยบายค่าเงินที่อ่อนค่าเพื่อกระตุ้นการเติบโต ในด้านการคลัง การขาดการริเริ่มนโยบายใหม่ๆ วาระทางการเมืองมากมาย และความกังวลต่อระดับหนี้สาธารณะที่อาจเพิ่มขึ้น กลายเป็นอุปสรรคต่อการใช้นโยบายการคลังอย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะที่ประเมินว่า ใกล้จบการฟื้นตัวของตลาด โดยตั้งเป้าดัชนี SET ไว้ใน Siam Senses – “เสาหลักสั่นคลอน” วันที่ 7 เมษายน 2568 สิ้นปีอยู่ที่ 1,220 และระดับตื่นตระหนกอยู่ที่ 1,020 โดยอิงจากจุดต่ำสุดในช่วงวิกฤตครั้งก่อนซึ่งอยู่ที่เกือบ 1 เท่า P/BV ดัชนี SET รีบาวน์ใกล้เป้าหมายสิ้นปีของฝ่ายวิจัยแล้ว และไม่เห็นปัจจัยพื้นฐานหรือตัวเร่งที่จะทำให้ดัชนีขยับขึ้นไปเหนือระดับนั้น

โดยคาดว่าหลังงบไตรมาส 1/2568 ตลาดจะปรับตัวลง ขณะรอความคืบหน้าเกี่ยวกับภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ พร้อมทั้งเห็นความเสี่ยงในหุ้นขนาดใหญ่บางตัวที่อาจกดดันดัชนี SET ให้ปรับตัวลง เช่น DELTA ปรับตัวขึ้นมาแล้วถึง 76% จากจุดต่ำสุด กลุ่มธนาคารยังคงแข็งแกร่งแม้เผชิญความเสี่ยงจากการปรับลดกำไรในไตรมาสต่อๆ มา ส่วน SCC ได้ประโยชน์จากต้นทุนพลังงานที่ลดลง และราคาซีเมนต์ที่สูงขึ้น แต่แนวโน้มระยะยาวของธุรกิจยังคงเผชิญกับภาวะถดถอยเชิงโครงสร้าง

ดังนั้นแนะนำตั้งรับมากขึ้นไปอีก โดยปรับพอร์ตลงทุนเน้นความ defensive มากขึ้น ฝ่ายวิจัยแทนที่ SAWAD ด้วย CPALL ดังนั้นหุ้นที่เลือกจึงอยู่ในกลุ่มโทรคมนาคม REIT และค้าปลีก อย่างไรก็ตามยังคงหุ้นที่มีค่าเบต้าสูงไว้ 2 ตัว ตัวแรกคือ MTC ซึ่งคาดว่าจะได้ประโยชน์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง และอีกตัวคือ AMATA ซึ่งราคาหุ้นได้ปรับลดลงไปมากแล้ว และมองว่าเป็นหุ้นที่มีมูลค่าถูก และเป็นตัวที่เหมาะที่จะเก็บไว้เผื่อสถานการณ์ภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ คลี่คลายไปในทางที่ดี

ส่วนความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดวันนี้ กลยุทธ์แนะนำให้นักลงทุน เริ่มขายล็อกกำไร ปิดการเล่น

1.กลุ่มเล่นรีบาวด์ สงครามการค้าผ่อนคลายรอเวลาเจรจา CCET DELTA HANA KCE 2.การเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ชดเชยผลกระทบ GDP จากการส่งออก STECON CK การซ่อมบ้าน และหุ้นค้าปลีกที่เชื่อมโยง เช่น CBG OSP CPALL CPAXT

แต่ยังคง ซื้อเก็งกำไรหุ้นที่ไตรมมาส 1/2568 ส่อแวว Earnings bottom out (กำไรผ่านจุดต่ำ โดนหั่นกำไรมาตลอดทาง และเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัว) เช่นกลุ่ม สินค้าโภค ภัณฑ์ TOP IVL, หุ้นกลุ่มเครือซีเมนต์ไทย SCC SCGP

โดยสัปดาห์นี้จะเข้าสู่สัปดาห์ที่ 3 ซึ่งเรียก นลท.เล่นหุ้นในหลายกลุ่มหลายธีมตามภาวะตลาดหุ้นที่รีบาวด์ขึ้นมาจากโซน 1,050 จุด และช่วงนี้กำลังจะครบระยะเวลารีบาวด์ระยะสั้นแล้ว

ดังนั้นจึงแนะนำให้นักลงทุน กระชับพอร์ต ถือเงินสดเพิ่มเพื่อรอจังหวะหาหุ้นเล่นรอบรอบใหม่ และระวังแรงขาย Sell on fact ระยะสั้น (ไม่ควรไล่ราคาซื้อพอเห็นงบออกมาดีเกินคาด) กลุ่มที่ควรระวังแรงขาย ได้แก่ ธนาคาร (ความเสี่ยงปรับลดคาดการณ์กาไรจากเศรษฐกิจ และดอกเบี้ย) ค้าปลีกท่องเที่ยว โรงแรม เนื่องจากการบริโภคในประเทศส่งสัญญาณอ่อนแอกว่าคาด ตามภาวะเศรษฐกิจ ที่ขาดแรงกระตุ้น และเข้าสู่ช่วงโลว์ฯ

SET