Gossip Station..by เจ๊จิ๋ม

เจ๊จิ๋ม..สายเถื่อน 27-01-23


27 มกราคม 2566
เจ๊จิ๋ม..สายเถื่อน 27-01-23


27-01-23  สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยเวลา 7.30 น.มีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ

**มติของ กนง. เอกฉันท์ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 1.50% เป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 4 เมื่อนับจากปี 65 สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่อเนื่อง และเพื่อสกัดความร้อนแรงของเงินเฟ้อให้เข้าสู่กรอบเป้าหมายที่ 1-3%

***สาเหตุที่ กนง. ยังคงทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย สรุปได้ 3 ประเด็นหลัก ดังนี้ 1. ความเสี่ยงเชิงลบจากต่างประเทศลดลง โดยเศรษฐกิจของประเทศขนาดใหญ่อย่างสหรัฐและยุโรป มีโอกาสที่จะชะลอตัวแบบ Soft Landing ได้ จากมุมมอง Downside Risk ที่จำกัด สะท้อนจากตลาดแรงงานในสหรัฐที่ค่อนข้างแข็งแกร่งรวมถึงราคาพลังงานในยุโรปทยอยปรับลดลงมา ซึ่งน่าจะส่งผ่านมายังเศรษฐกิจ
ไทยให้มีเสถียรภาพมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังปี 65

***2. เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวสู่ระดับก่อน Pre-Covid ยังได้แรงหนุนจากการผ่อนคลายมาตรการเดินทางของจีน โดยปรับคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยในปีนี้จาก 22 ล้านคน เป็น 25.5 ล้านคน (คาดแตะ 34.0 ล้านคนในปี 67) เป็นแรงส่งต่อเนื่องไปยังการจ้างงานจนถึงการบริโภคภาคเอกชน หนุนความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือนและภาคธุรกิจดีขึ้น รวมถึงการส่งออกทางด้านบริการจะเร่งขึ้นมาแรง ทดแทนการส่งออกสินค้าที่ลดลง

***3. การต่อสู่กับเงินเฟ้อยังไม่สิ้นสุด ซึ่งในระยะถัดไปหากจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าไทยมากกว่าคาดไว้ อาจกดดันราคาอาหารสำเร็จรูป จนส่งผลให้ Core CPI ปรับตัวลงได้ค่อนข้างช้าเช่นกัน และบ้านเราอาจเผชิญกับเงินเฟ้อในรูบแบบ Demand Pull ในส่วนของนโยบายการเงินระยะถัดไป กนง. พร้อมจะปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจและความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่เปลี่ยนแปลงไป ขณะที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจในไตรมาส 1/66 ค่อนข้างมีความสำคัญที่ ธปท. จะนำไปพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม กนง. ครั้งที่ 2 (วันที่ 29 มี.ค. 66)

***กูรูหุ้นระบุว่าการขึ้นดอกเบี้ยตามกลไกเป็นตัวจำกัด Upside ของตลาดหุ้นไทยให้แคบลง กดดันตลาดหุ้นช่วงสั้นๆ และส่งผลให้กรอบเป้าหมายสิ้นปี 2566 ของ SET ลดลงมาอยู่บริเวณ 1740 จุดหุ้นที่ได้ประโยชน์จากประเด็นนี้มี3 กลุ่ม คือ 1.หุ้น ธ.พ. ขนาดใหญ่ BBL (เน้นลูกค้าขนาดใหญ่) SCB (ราคา Laggard) KTB (จ่ายปันผลปีละครั้ง 5%ต่อปี) 2.หุ้น Net Cash อย่าง M SAPPE SAT  3.หุ้นได้แรงหนุนเศรษฐกิจฟื้น โดยเฉพาะการท่องเที่ยวฟื้นตัวเร็ว BEM CPALL ERW CENTEL ADVANC 

***ส่วนกูรูอีกท่านให้ความเห็นว่าเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยว่ามองเป็นกลางต่อกลุ่มธนาคาร ซึ่งเป็นไปตามคาด และ ธปท. ส่งสัญญาณที่มีโอกาสจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะเริ่มลดลงแต่ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นมุมมองเดียวกับที่คาดว่าจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มอีก 2 ครั้งภายในครึ่งแรกของปีนี้ ไปอยู่ที่ 2.00% ซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่เป็นหลัก โดยธนาคารขนาดใหญ่ที่ได้ประโยชน์จากมาก-น้อยคือ BBL, KTB, KBANK และ SCB โดย BBL จะได้ประโยชน์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นมากที่สุด

***ขณะเดียวกันมองเป็นกลางต่อกลุ่มการเงิน จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามที่คาด รวมทั้งราคาหุ้นกลุ่ม Finance ปรับตัวลง -16% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนปัจจัยลบต่างๆแล้ว ทั้ง 1) ต้นทุนทางการเงินที่จะทยอยปรับขึ้นตามคาด ซึ่งประเมินว่าบริษัทที่มีกู้เงินที่สูง และมีการระดมทุนผ่านหุ้นกู้ (อัตราดอกเบี้ยคงที่) ต่ำหรืออายุหุ้นกู้คงเหลือที่ต่ำ จะได้รับผลกระทบที่สูงกว่า จากต้นทุนทางการเงินทดแทนที่เพิ่มขึ้น โดยเรียงจากมากไปน้อยได้แก่ AEONTS, TIDLOR,MTC, THANI และ SAWAD

***2) NPL และค่าใช้จ่ายสำรองที่จะทยอยปรับตัวขึ้นและคาดสูงสุดในช่วงครึ่งปีแรกนี้  3) สินเชื่อจะยังขยายตัวดีตามคาด ประเมินว่าในระยะสั้นหุ้นกลุ่ม Finance จะยังได้รับแรงกดดันจาก NPL และค่าใช้จ่ายสำรองที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ระยะยาวจะกลับมาดีขึ้นจากสินเชื่อที่เติบโตดียังคงน้ำหนักกลุ่มการเงินเป็น “เท่ากับตลาด” เลือก TIDLOR, KTC เป็น Toppick 

***หุ้น Top pick ที่เลือกคือ TIDLOR (ซื้อ/เป้า 38.00 บาท) จากสินเชื่อที่จะขยายตัวต่อเนื่องมากกว่า +20% YoY และมีระดับสำรองที่สูงกว่าคู่แข่งคิดเป็น LLR/Loan ที่ 4% ทำให้บริษัทไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตั้งสำรองสูงอย่างมีนัย และ KTC (ซื้อ/เป้า 68.00 บาท)
จากสินเชื่อที่เติบโตดี โดยเฉพาะสินเชื่อบัตรเครดิตที่มีการใช้จ่ายดีขึ้น และ NPL ที่ปรับตัวลงดี ทั้งนี้ในระยะสั้นเแนะนำหลีกเลี่ยง THANI (ซื้อ/เป้า 5.00 บาท)จากกำไรสุทธิไตรมาส 4/65 ที่อาจจะต่ำกว่าคาด ตามค่าใช้จ่ายสำรองที่จะเพิ่มขึ้นสูง 

***ปรบมือรัวๆๆๆ ให้กับ TEGH ถึงเวลาของเค้าแล้ววววว เมื่อวานราคาหุ้นพุ่งขึ้นไปทำสถิติสูงที่สุดนับตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่ระดับ 6.25 บาท แต่เมื่อปิดตลาดอ่อนตัวลงมาเล็กน้อย มายืนที่ 6 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท ซื้อขายรวม 763.68  ล้านบาท  น่าจะเป็นผลพวงเกี่ยวเนื่องจากการที่จีนเปิดประเทศทำให้ Flow ของธุรกิจไหลลื่น อีกกระแสที่แว่วๆ มาคือ ลูกค้าจีนส่งออเดอร์ยางเข้ามาแบบรัวๆๆๆ ไม่มียั้ง  เฮงๆ รวยๆ รับปีกระต่ายทองเลยคร๊าาาา
 
***ปิดท้ายสัปดาห์นี้กับ  NVD ได้ฤกษ์ดีเปิด Pre-Sale บ้านเดี่ยวโครงการใหม่ครั้งแรก!! Nirvana Absolute เอกมัย – รามอินทรา บนสุดยอดทำเลศักยภาพของที่อยู่อาศัย อยู่ใกล้กับทางด่วน เพียง 2.5 km. และ 4.5 km. จาก Central Eastville ทุกการใช้ชีวิตของคุณและครอบครัวมีความ Exclusive ในสังคมส่วนตัวเพียง 29 ครอบครัวเท่านั้น ราคาพิเศษเริ่มต้นที่ 17.9 – 25 ล้านบาท มาพร้อมโปรโมชั่นแถมแอร์ + Wallpaper ทั้งหลัง ภายใต้แนวคิด "บ้านที่ใช่...ในทุกความรู้สึก" โดยได้รับแรงบันดาลใจการออกแบบจากอารมณ์สุนทรีย์ของศิลปะและธรรมชาติ เพื่อทุกความรู้สึกที่ใช่ ในแบบ ที่เป็นตัวเอง มี Design สวยงาม ผสมผสาน Detail ของช่องแสงและลม ช่วยนำธรรมชาติที่พอดีสร้างบรรยากาศสุนทรีย์ให้กับทุกฟังก์ชันในบ้าน เติมเต็มทุก Passion ที่ใช่ ในการใช้ชีวิต 

***พลาดอะไรก้อได้..แต่เรื่องบ้านของ NVD พลาดแล้วจะเสียใจ!!!! มีกำหนดเปิด Pre-Sale วันที่ 28 – 29  ม.ค. นี้ ลงทะเบียนรับข้อเสนอพิเศษ >> nirvana.ly/ABSL-EMR สนใจเยี่ยมชมโครงการ : nirvana.ly/Map-ABSL-EMR หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม กับ Personal Assistant ได้ที่>>Line Official: nirvana.ly/LOA-FB / Facebook Inbox : m.me/Nirvanafamily📱call center : 1787