ไอพีโอไทย 2568 ดิ่งต่ำสุดรอบหลายปี Bitkub จ่อเลือกฮ่องกงแทนไทย เขย่าความเชื่อมั่นตลาดทุน
Mr.Data

ปี 2568 กลายเป็นปีท้าทายของตลาดทุนไทย เมื่อจำนวน IPO ลดฮวบ มูลค่าระดมทุนหดแรง ขณะที่ข่าวลือ Bitkub เตรียมไปเทรดที่ฮ่องกงยิ่งตอกย้ำความกังวลด้านความสามารถในการแข่งขันของตลาดหุ้นไทย ด้านวงการ IB เดินหน้ากดดัน ก.ล.ต. ขอปรับกติกาใหม่เพื่อหยุดปัญหา “ต่ำจอง” ที่กัดกินความเชื่อมั่นนักลงทุนต่อเนื่องหลายปี
ตลอดปี 2568 มีไอพีโอเพียง 17 บริษัท แบ่งเป็น SET 6 บริษัท และ mai 11 บริษัท รวมมูลค่าระดมทุนเพียง 7,791.17 ล้านบาท มูลค่าเสนอขาย 12,093.24 ล้านบาท และมีมาร์เก็ตแคปรวม 76,559.68 ล้านบาท ลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากระดับแสนล้านบาทในอดีต สะท้อนภาวะตลาดที่ซบเซาต่อเนื่องกว่า 3 ปี หุ้นไอพีโอเข้าเทรดวันแรกต่ำจองสูงถึง 13 บริษัท รอดเพียง 4 บริษัท
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า ตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่สิ้นปี 2565 - ปัจจุบัน) ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนแย่สุดเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ทั่วโลก โดย SET ติดลบ 22.2% และ MAI ติดลบ 63.2%
ขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศกลับฟื้นแรง ทั้ง NASDAQ ที่บวกกว่า 110.5% MSCI ACWI บวก 62.1% MSCI EM บวก 39.9% รวมถึง CRYPTOCURRENCY (BITCOIN บวก 409% ETHEREUM บวก 122%) GOLD บวก 135%
ตอกย้ำหุ้นไทยไร้เสน่ห์ นักลงทุนต่างชาติขาย 3 ปีติดต่อกัน เฉียด 4.5 แสนล้านบาท ปี 2566 เทขายแบบดุดันกว่า 1.92 แสนล้านบาท ปี 2567 ขายสุทธิ 1.46 แสนล้านบาท ส่วน 11 เดือนแรกของปี 2568 เทขายออกมากว่า 1.1 แสนล้านบาท
“สรวิศ ไกรฤกษ์” รองผู้จัดการสายงานผู้ออกหลักทรัพย์และฝ่ายการตลาด ตลท. ซึ่งปัจจุบันทำหน้าที่ Chief Market Officer ยอมรับว่าโจทย์ใหญ่คือการเพิ่มศักยภาพสินค้าในตลาดทุน และดึงบริษัทใหม่เข้ามาจดทะเบียนท่ามกลางการแข่งขันสูงจากตลาดต่างประเทศ
IPO ไทยยัง “ชะลอตัว” เพราะ sentiment ตลาดไม่เอื้อ
ปี 2568 ตัวเลขมูลค่าระดมทุนร่วงลงแรง สาเหตุหลักมาจากเศรษฐกิจยังฟื้นไม่เต็มที่ บริษัทหลายแห่งจึงเลื่อนแผนหรือพับการเข้าตลาด แม้ผ่านไฟเขียวจาก ก.ล.ต. แล้ว
ภาวะตลาดหมีทำให้บริษัทประเมินว่าราคาจะไม่ได้ตามที่หวัง ตลาดหุ้นไทยมีผลตอบแทนต่ำ ทำให้ความต้องการลงทุน (Demand) ลดลง
หุ้นต่ำจอง ไม่ใช่แค่ “ตั้งราคาแพง”
ข้อมูลชี้ชัดว่า ครึ่งปีหลังมี IPO 12 บริษัท และ 4 บริษัทต่ำจอง หรือคิดเป็นเพียง 60% ที่เหนือจอง ซึ่งถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานตลาดโลก สาเหตุสำคัญคือ Sentiment ตลาดที่อ่อนแรง ไม่มีแรงซื้อรองรับ การกระจายหุ้นที่พึ่งรายย่อยมากเกินไป ทำให้เกิดแรง “เทวันแรก” มูลค่าการซื้อขายวันแรกลดลงจากมาตรฐานปกติที่ควร 2–4 เท่า เหลือแค่ 1 เท่า หรือบางราย 0.5 เท่า สถาบันเข้าซื้อน้อย ส่งผลให้หุ้นไม่มีเสถียรภาพ
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ย้ำว่าการตั้งราคา IPO ผ่านกระบวนการ Book Building และเปรียบเทียบ P/E จึงถือว่าเป็นราคาที่ “เหมาะสม” แต่ปัญหาคือภาวะตลาดไม่เอื้อให้นักลงทุนมั่นใจถือยาว
Bitkub อาจไป IPO ฮ่องกง
มีรายงานว่า Bitkub เตรียมยื่น IPO ที่ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ปี 2569 แทนไทย กลายเป็นจุดสนใจใหญ่ เพราะสะท้อนว่า ตลาดไทยอาจไม่สามารถให้ Valuation เทียบเท่าตลาดที่เป็น Digital Asset Hub
ผู้ประกอบการต้องการเข้าถึงนักลงทุนสถาบันต่างชาติ ตลาดไทยมีภาพรวมซบเซา ทำให้บริษัทเทคโนโลยีมองหา “สนามที่คึกคักกว่า” เพื่อระดมทุน นี่คือ “สัญญาณเตือน” สำหรับตลาดทุนไทยว่าต้องเร่งยกระดับความสามารถในการแข่งขัน ไม่เช่นนั้นบริษัทศักยภาพสูงจะเลือกออกนอกประเทศมากขึ้น
วงการ IB ร้องปรับกติกา IPO ด่วน!
ปัจจุบัน IB หลายรายเสนอให้ ก.ล.ต. เพิ่มสัดส่วนการขายให้นักลงทุนสถาบันจาก 25% เป็น 40% เพื่อให้เกิดเสถียรภาพราคาในวันแรก เปิดโอกาสให้ “รายย่อยคุณภาพดี” ที่ถือยาวได้รับการจัดสรรมากขึ้น ลดแรงขายทำกำไรระยะสั้น (Flipping) ที่ทำให้ภาพลักษณ์หุ้นใหม่เสีย
เป้าหมายคือ ทำให้ราคาหุ้นไม่ร่วงวันแรก ช่วยประคองราคาในช่วงเปิดเทรด และสร้างตลาดทุนที่แข็งแรง มีเม็ดเงินคุณภาพ
ตลาด IPO ไทยยังอยู่ในช่วง “ต้องการการฟื้นฟู” ทั้งด้านความเชื่อมั่น สภาพคล่อง และกติกา บทเรียนจากปี 2568 คือ ตลาดต้องปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อดึงดูดบริษัทคุณภาพให้เลือกจดทะเบียนในไทย โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคใหม่%20copy.jpg)