รายงานพิเศษ : TACC เปิดกลยุทธ์โตเคียงคู่พันธมิตร พัฒนาสินค้าใหม่ตอบโจทย์ผู้บริโภค ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน

บมจ.ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ หรือ TACC เดินหน้าธุรกิจผ่านกลยุทธ์ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรหลัก ควบคู่กับการพัฒนาสินค้าใหม่ ที่ตอบรับเทรนด์ผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด เสริมความแข็งแกร่งในกลุ่ม B2B (7-Eleven) และ B2C (Non 7-Eleven) ล่าสุดตอกย้ำความสำเร็จด้วยผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2568 มีรายได้จากการขาย 1,726.63 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 242.15 ล้านบาท พร้อมวางรากฐานการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
จับมือพันธมิตรพัฒนาสินค้าใหม่
ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ TACC ได้พัฒนาจากจุดเริ่มต้นการผลิตเครื่องดื่มในโถกด (Drink Dispenser) ให้กับร้าน 7-Eleven ซึ่งยังคงเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์หลักจนถึงปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจสู่การพัฒนา ผงเครื่องดื่มสำเร็จรูป, เมนูเครื่องดื่มใน All Café และผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Lifestyle & License Business
โดยหนึ่งในความสำเร็จที่สำคัญ ได้รับการสนับสนุนจากความร่วมมือกับพันธมิตร ซีพีออล์ (CPALL) และ 7-Eleven ในการพัฒนาสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่ม B2B (7-Eleven) ที่ร่วมมือกับ 7-Eleven ในฐานะพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (Key Strategic Partner) พัฒนาเมนูหลัก (Core Menu) และเมนูใหม่ (New Menu) เช่น เครื่องดื่มเย็นในโถกด (Jet Spray) และเครื่องดื่ม Non-Coffee ใน All Café ที่ตอบสนองกับเทรนด์ผู้บริโภคในทุกช่วงเวลา
ขณะที่ B2C (Non 7-Eleven) บริษัทฯ เน้นขยายฐานลูกค้า Café Business และผลักดันแบรนด์ของตนเอง โดยมุ่งเน้นสินค้ากลุ่มสุขภาพ (Health & Wellness) และการสร้างการรับรู้ในกลุ่ม Lifestyle & License Business ผ่านคาแรคเตอร์ใหม่ที่เข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน เพื่อเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และขยายฐานลูกค้า
ผลการดำเนินงานเติบโตโดดเด่น
ความสำเร็จของบริษัทฯ สะท้อนจากผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ล่าสุด บริษัทฯ รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 ด้วยรายได้จากการขาย 618.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 137.65 ล้านบาท หรือ 28.60% กำไรสุทธิอยู่ที่ 89.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.59 ล้านบาท หรือ 48.98% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนช่วง 9 เดือน มีรายได้จากการขายรวม 1,726.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 289.67 ล้านบาท หรือ 20.16% และมีกำไรสุทธิ 242.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.02 ล้านบาท หรือ 28.03% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สะท้อนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของธุรกิจในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์
ผลการดำเนินงานที่เติบโตโดดเด่น มีแรงขับเคลื่อนสำคัญจากกลุ่มลูกค้า B2B (7-Eleven) โดยเฉพาะความร่วมมือกับ 7-Eleven ซึ่งยังคงมีปริมาณการบริโภคในประเทศที่เติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มเครื่องดื่มชาไทยและชาเขียวที่ได้รับความนิยมอย่างสม่ำเสมอ ขณะที่กลุ่ม B2C (Non 7-Eleven) เติบโตจากการขยายสาขาของ Café Business และการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
แนวโน้มไตรมาส 4/2568 สดใส
“ชัชชวี วัฒนสุข” ประธานกรรมการบริหาร TACC คาดการณ์ว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2568 จะยังคงสดใสทั้งในกลุ่ม B2B (7-Eleven) และ B2C (Non 7-Eleven) โดยมีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ พร้อมกับนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ
นอกจากนี้ TACC ยังคงให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจตามแนวทาง ESG (Environmental, Social, Governance) เพื่อสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม การบริหารจัดการภายในองค์กร และการสร้างคุณค่าร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ
รายได้เติบโตทุกกลุ่มธุรกิจ
จากผลการดำเนินงานที่เติบโตเกินคาด บริษัทฯ ได้ปรับเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมปี 2568 ขึ้นเป็น “มากกว่า 15%” จากเดิมที่ตั้งไว้ 10% โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของทุกกลุ่มธุรกิจ โดย B2B (7-Eleven) จะมาจากการพัฒนาสินค้าใหม่ร่วมกับพันธมิตร 7-Eleven และการเติบโตตามการขยายสาขาของ 7-Eleven การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นยอดขาย ส่งผลให้บริษัทฯ เติบโตในทิศทางเดียวกัน
ขณะที่กลุ่มธุรกิจ B2C (Non 7-Eleven) เน้นการเพิ่มกลุ่มลูกค้า Café Business และผลักดันแบรนด์ของบริษัทฯ โดยมุ่งเน้นสินค้าสุขภาพ (Health & Wellness) และขยายฐานลูกค้ารายใหม่ ส่วนกลุ่ม Lifestyle & License Business มีการสร้างการรับรู้ของคาแรคเตอร์ใหม่อย่าง เพื่อเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ และเข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานมากขึ้น
ยึดมั่นหลักธรรมาภิบาล
TACC ยังคงจุดยืนการดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาล โดยในปี 2568 ได้รับผลคะแนนการประเมินคุณภาพการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น (AGM Checklist) ปี 2568 จากสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดยบริษัทฯ ได้รับคะแนน 100 คะแนนเต็ม (ดีเยี่ยมสมควรเป็นตัวอย่าง) ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 ถือเป็นการตอกย้ำในการเป็นองค์กรที่ดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล โดยมีการเปิดเผยข้อมูลได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน ทันเวลา พร้อมเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายอย่างยั่งยืน
ล่าสุด TACC ได้รับผลการประเมินโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนไทย (Corporate Governance Report of Thai Listed Company : CGR) ประจำปี 2568 ในระดับ 5 ดาว หรือ “ดีเลิศ” (Excellent CG Scoring) และยังติดหนึ่งใน Top Quartile กลุ่ม Market Capitalization 1,501-3,000 ล้านบาท จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ภายใต้การสนับสนุนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า บริษัทฯ มีการกำกับดูแลกิจการที่ดีเลิศอย่างต่อเนื่อง มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล คำนึงถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย รวมถึงการให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน