Gossip Station..by เจ๊จิ๋ม

Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม 03-11-25 (วันนี้ WASH จะรอดมั้ย???)


03 พฤศจิกายน 2568

Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม 03-11-25 (วันนี้ WASH จะรอดมั้ย???)

 

03-11-25 สวัสดี “ปีงูไฟ" ค่ะพี่น้องชาวไทยที่รัก "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิมwww.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยมีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ 

***อะไรนะ!!! จะให้เกษียณอายุ 70 ปี เฮ้อ!!!หวั่นใจแทน กลัวเวลาส่วนใหญ่จะมีแต่ลาไปหมอ!!! อายุรุ่นนั้นแล้วไปมีความสุขอยู่กับลูกๆ หลานๆ เถอะค่ะทั่น!! ตอนนี้ภาคเอกชนเเค้ามีแต่จะให้เออร์รี่รีไทน์ก่อน 60 ปี บ่องตรง!! ปูนนั้นแล้วไม่เหมาะที่จะทำงานแล้วทำนิด ทำหน่อย กลัวความดันขึ้น!!! คิดพัฒนาอย่างอื่นดีกว่ามั้ยคะ!!! ให้โอกาสเด็กจบใหม่เค้าเข้าทำงานเถอะค่ะ..ไม่อยากจะคิดเล้ยยยยยย ถ้าองค์กรมีแต่คนแก่ทำงานไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น

***NRF ไม่รอดหลังจาก ตลท.สั่งปลดเครื่องหมาย SP และเปิดให้ซื้อขายหลังจากบริษัทได้นําส่งงบการเงินไตรมาสที่ 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 2568 ผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลของตลท.แล้ว ..ผลอะหรอ!!!ฟลอร์สนิท ปิดตลาดที่ 0.43 บาท ลดลง  -0.19 บาท หรือ  -30.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.527 ลบ.ส่วนวันนี้จะยังไงต่อ..รอลุ้น ไม่รู้สะเด็ดน้ำรึยัง???

***ที่ถามว่า NRF ราคาดิ่งสะเด็ดน้ำแล้วรึยัง??? .เพราะคำเตือนของตลาดหลักทรัพย์แหล่ะ!!!

- ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลในงบการเงินไตรมาสที่ 1 ปี 2568 ฉบับแก้ไข และงบการเงินไตรมาสที่ 2 ปี 2568 ของ NRF ด้วยความระมัดระวังและรอบคอบก่อนการตัดสินใจลงทุน

โดยผู้สอบบัญชียังคงแสดงความเห็นต่องบการเงินดังกล่าวแบบมีเงื่อนไขและมีข้อสังเกตในลักษณะเดียวกันกับงบการเงินประจําปี 2567 ฉบับแก้ไข ซึ่งรวมถึงกรณีบริษัทตรวจพบสินค้าคงเหลือสูญหายของบริษัทย่อย จึงได้ปรับปรุงการบันทึกบัญชีต้นทุนขายแต่การบันทึกบัญชีดังกล่าวไม่เป็นไปตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน โดยงบการเงินไตรมาสที่ 1 ปี 2568 ฉบับแก้ไข มีผลขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 188 ล้านบาท เป็น 199 ล้านบาท และงบการเงินไตรมาสที่ 2 ปี 2568 มีผลขาดทุนสุทธิ 84 ล้านบาท

***วันนี้มี หุ้นไอพีโอน้องใหม่ WASH หรือ บมจ.ลอนดรี้ ยู  เข้าเทรดวันแรก ทำธุรกิจร้านสะดวกซักครบวงจร ให้บริการด้วยเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าแบบอุตสาหกรรมคุณภาพสูง ดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซักของตนเองเป็นหลักภายใต้แบรนด์ "WashXpress" และมีการให้สิทธิในการประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ร้านสะดวกซักภายใต้แบรนด์เดียวกัน

******WASH ขายหุ้นไอพีโอจำนวน 105,882,352 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 30.00 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ  แต่มีจุดที่นักลงทุนต้องสังเกตุและต้องระวังตัวด้วย เพราะครั้งนี้มีทั้งหุ้นใหม่และหุ้นเก่าผสมกัน (หุ้นเก่าเป็นของผู้ถือหุ้นอันดับหนึ่งเอาออกมาขาย)ซึ่งแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ

1. หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯ จำนวน 52,941,176 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 15.00
2. หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย Holistic Impact จำนวน 52,941,176 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 15.00

แบบว่าครึ่งๆ เลยนะ!!!

***ขยายความเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นผู้ถือหุ้นอันดับหนึ่งคือ Holistic Impact Pte. Ltd. ก่อนไอพีโอถือหุ้น 98,260,000 หุ้น หรือ 32.75% หลังขายหุ้นไอพีโอเหลือหุ้น 45,318,824 หุ้น หรือ 12.84%

มีคำชี้แจงว่าการเสนอขายหุ้นสามัญเดิมโดย Holistic จำนวน 52,941,176 หุ้น เป็นไปตามนโยบายการลงทุนของ LAV ซึ่งเป็นกองทุน Private Equity Fund ที่ต้องจำหน่ายหุ้นบางส่วนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนที่ถือกองทุนดังกล่าว ทั้งนี้ Holistic ยินยอมให้หุ้นส่วนที่เหลือทั้งหมดของตน จำนวน 45,318,824 หุ้น คิดเป็นร้อยละ12.84 ของหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนในครั้งนี้ ถูกจำกัดการขายภายใน 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ตามความสมัครใจของ Holistic

***Holistic Impact Pte. Ltd. (“Holistic”) ถือหุ้นร้อยละ 100.00 โดย Lombard Asia V, L.P. (“LAV”) ซึ่งเป็นกองทุน Private Equity Fund  โดยผู้ถือหุ้นของ LAV ประกอบไปด้วยนักลงทุนสถาบันรายใหญ่จำนวน 8 ราย และนักลงทุนประเภท General Partner ที่มีอำนาจควบคุมในการบริหารจัดการ คือ Lombard Asia Management Ltd. (“LAM”)

***ราคาไอพีโอของ WASH คือหุ้นละ 7.50 บาท พาร์ 0.50 บาท/หุ้น ขณะที่ มูลค่าตามราคาบัญชี (Book Value) 2.49 บาทต่อหุ้น ณ ราคาไอพีโอคิดเป็นค่า P/E Ratio เท่ากับ 20.83 เท่า ซึ่งคำนวณจากผลประกอบการในรอบ 4 ไตรมาสล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568

***เริ่มเห็นการขยับขยายในทิศทางที่น่าสนใจอย่างยิ่งของ DPAINT จากการแจ้งข้อมูลผ่านตลาดหลักทรัพย์เรื่องการขยายการประกอบธุรกิจของบริษัท เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเติบโตและสร้างมูลค่าให้บริษัทอย่างยั่งยืน โดยบอร์ดมีมติอนุมัติให้บริษัทเข้าร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจและองค์กรรัฐวิสาหกิจเพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุน มีทุนจดทะเบียน 360 ลบ.

***ผู้ร่วมทุนมี 4 รายคือ

(1) องค์การเภสัชกรรม ถือหุ้นร้อยละ 25

(2) บริษัท สีเดลต้า จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นร้อยละ 25

(3) บริษัท ปรมี ลอจิสติกส์ จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 25

(4) บริษัท ฟลายบริดจ์ เวนเจอร์ส จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 25

วัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าเภสัชกรรมที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ โดยผสานจุดแข็งของภาครัฐ (GPO) และเอกชน เพื่อผลักดันให้ก้าวสู่การเป็นผู้นำด้าน Pharmaceutical Warehouse & Logistics

***ไฮไลท์อยู่ตรงนี้ค้าาาาาา!!!!”บริษัทเล็งเห็นโอกาสเชิงกลยุทธ์ในการต่อยอดศักยภาพของบริษัทจากธุรกิจเดิมสู่ธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ระยะยาวและมีความมั่นคงสูง จึงมีมติให้เข้าร่วมลงทุนในบริษัทร่วมทุนเพื่อประกอบธุรกิจคลังสินค้า โดยมีหน่วยงานรัฐวิสาหกิจเป็นผู้ร่วมลงทุนและบริษัทได้รับการยืนยันจากองค์กรรัฐวิสาหกิจว่าจะเป็นผู้ใช้บริการหลักของคลังสินค้าที่จะจัดตั้งขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงด้านการตลาดและสร้างรายได้ที่มั่นคงต่อเนื่องให้แก่บริษัทตั้งแต่ระยะเริ่มต้นของโครงการ” เริ่ดดดดดดดไปเลยจ้า

***ศุกร์ที่ผ่านมาดาวโจนส์ปิดที่ 47,562.87 จุด เพิ่มขึ้น 40.75 จุด หรือ +0.09%, ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 6,840.20จุด เพิ่มขึ้น 17.86 จุด หรือ +0.26% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,724.96 จุด เพิ่มขึ้น 143.81 จุด หรือ +0.61%

***รายงานข่าวระบุว่าดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (31 ต.ค.) ได้แรงหนุนหลักจากการคาดการณ์ผลประกอบการเชิงบวกของบริษัท Amazon แต่บรรยากาศการลงทุนถูกกดดันจากความกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจระมัดระวังมากขึ้นในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย  โดยในวันศุกร์ที่ผ่านมา บรรดาเทรดเดอร์ประเมินความเป็นไปได้ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. ไว้ที่ 65% ลดลงจาก 72.8% เมื่อวันพฤหัสบดี และ 91.7% เมื่อสัปดาห์ก่อน ตามข้อมูลจากเครื่องมือ FedWatch ของ CME Group