รายงานพิเศษ : PANEL ปูทางเติบโตอย่างยั่งยืน เล็งขยายตลาดไปอินโด-แปซิฟิก หนุนสร้างแหล่งรายได้สม่ำเสมอ
การเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีนี้ยังฟื้นตัวได้อย่างช้าๆ ซึ่งสวนทางกับเศรษฐกิจโลกที่ยังขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะประเทศในเอเชีย-แปซิฟิก ที่จะเป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจโลก สนับสนุนแนวทางขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศดังกล่าว เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง ของ บมจ.เพเนเล่ส์มาติก โซลูชั่นส์ (PANEL)_0.jpg)
ในช่วงปี 2024-2025 ที่เศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์และสงครามการค้า แต่ภูมิภาคเอเชีย–แปซิฟิกยังเป็น “เครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจโลก” โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอินเดีย ซึ่งมีการเติบโตเร็วกว่าค่าเฉลี่ยโลกอย่างต่อเนื่อง
โดยเศรษฐกิจของอินเดียในปี 2024–2025 คาดว่าจะเติบโตประมาณ 6.5–7% จากแรงขับเคลื่อนหลัก ซึ่งได้แก่ การบริโภคภายในประเทศ, ภาคบริการ (IT), การลงทุนภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้แนวโน้มประเทศ อินเดียจะกลายเป็นเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในกลุ่มประเทศขนาดใหญ่
ขณะที่ประเทศ อินโดนีเซีย (Indonesia) อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจะอยู่ที่ประมาณ 5% ต่อปี โดยมีแรงขับเคลื่อนหลัก มาจากการบริโภคภายในประเทศ, การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน, การส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ถ่านหิน นิกเกิล ทำให้แนวโน้มอินโดนีเซีย เป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจมั่นคง เป็นตลาดเกิดใหม่ที่น่าจับตาสุดในอาเซียน
ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์การขยายตลาดไปยังต่างประเทศของ บมจ.เพเนเล่ส์มาติก โซลูชั่นส์ (PANEL) โดย “จูเลีย เพ็ชญไพศิษฎ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนเพิ่มสัดส่วนการส่งออกไปยังต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย อินเดีย สิงคโปร์ อินโดนีเซียหรือฟิลิปปินส์ให้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้รายได้จากการส่งออกปรับตัวดีขึ้น จากปัจจุบันที่มีรายได้ไม่ถึง 10%
เนื่องจากในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 บริษัทฯจะย้ายโรงงานการผลิตจากคลองสองไปยังนิคมอุตสาหกรรมชุมนุมทรัพย์ โดยคาดว่าจะสามารถขนย้ายทรัพยากรและเปิดโรงงานใหม่ได้เต็มรูปแบบภายในเดือนตุลาคม 2568
"การเปิดโรงงานใหม่จะช่วยส่งเสริมผลประกอบการของบริษัทฯในทุกมิติ ช่วยให้กระบวนการผลิตมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ลดระยะเวลาในการผลิตและเพิ่มกำลังการผลิตได้ 2.5-4 เท่าตัวในทันที และสามารถเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเข้าสู่ตลาดได้มากขึ้น หนุนผลงานโตก้าวกระโดด"
ทั้งนี้ บริษัทฯได้มีการเตรียมทีมขายพร้อมรองรับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยโรงงานใหม่และเครื่องจักรใหม่จะช่วยให้ต้นทุนการผลิตต่ำลงในอนาคต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของงานรับเหมาระบบห้องผ่าตัดและรับเหมางานตกแต่งภายในสูงขึ้น เนื่องจากสามารถผลิตสินค้าได้เองมากขึ้น ลดการพึ่งพาซัพพลายเออร์ในการสั่งซื้อสินค้าบางประเภทในส่วนของงานรับเหมาระบบห้องผ่าตัดและรับเหมางานตกแต่งภายใน
“แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยเฉพาะไตรมาส 4/68 จะเติบโตแข็งแกร่ง หลังโรงงานแห่งใหม่พร้อมเดินหน้าการผลิตได้เต็มรูปแบบ ผลักดันรายได้ปีนี้เติบโตเกิน 40% สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ตามแผนงานที่วางไว้ และในปี 2569 แนวโน้มโตต่อเนื่อง จากการขยายกำลังการผลิตโรงงานใหม่ที่จะรับรู้รายได้เต็มปี"