KBANK แจงงบ 9 เดือนปี 68 ฟันกำไร 3.92 หมื่นลบ. โต 1.16% ค่าใช้จ่ายลด-รายได้ไม่ใช่ดอกเบี้ยโต

KBANK แจงงบ 9 เดือนปี 68 มีกำไรสุทธิ 39,287 ล้านบาท โต 1.16% หลังค่าใช้จ่ายลดลงและรายได้มิใช่ดอกเบี้ยโต ด้านงวดไตรมาส 3/68 ฟันกำไรสุทธิ 13,007 ล้านบาท โต 4.16% 

ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ถึงผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2568 เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครคิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและภาษีเงินได้มีจำนวน 85,127 ล้านบาท หรือลดลง 2.80% เป็นผลจากการลดลงของรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ

 โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีจำนวน 104,239 ล้านบาท ลดลง 6.9% ตามภาระอัตราดอกเบี้ย ซึ่งรวมทั้งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระให้ลูกค้ามีความยืดหยุ่นทางการเงินมากขึ้น และการลดลงเงินให้สินเชื่อ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (NIM) ลดลงอยู่ที่ระดับ 3.31% 

อย่างไรก็ตาม รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 42,709 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.80% หลัก ๆ จากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิที่เติบโตจากการให้บริการที่สามารถตอบโจทย์ได้ตรงความต้องการของลูกค้า ประกอบกับภาวะตลาดที่ปรับตัวดีขึ้น, กำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน และรายได้จากการลงทุนในภาวะตลาดที่เอื้ออำนวย 

สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ มีจำนวน 61,821 ล้านบาท ลดลง 0.22%, จากการบริหารจัดการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 42.07% 

นอกจากนี้ ธนาคารและบริษัทย่อยพิจารณาตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credi loss : ECL) จำนวน 30,047 ล้านบาท ลดลง 14.17% โดยยังคงเป็นสำรองฯ ที่ตั้งตามหลักความระมัดระวังอย่างรอบคอบตามที่ได้ปฏิบัติมาอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ระดับสำรองฯ มีความเหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวนและยังลงเผชิญกับความท้าทาย ส่งผลให้กำไรสุทธิสำหรับงวด 9 เดือน ปี 2568 มีจำนวน 39,287 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/68 เมื่อเทียบไตรมาสก่อน ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและภาษีเงินได้จำนวน 28,280 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.74% หลัก ๆ จากรายได้จากการดำเนินงานสุทธิที่มีจำนวน 49,246 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.33% ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิจากการบริหารจัดการกองทุนที่สามารถตอบโจทย์ตามความต้องการของลูกค้า และรายได้จากการลงทุนต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้น แม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีจำนวน 34,158 ล้านบาท ลดลง 1.43% จากไตรมาสก่อน 

สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ มีจำนวน 20.966 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.78% , และใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แม้ว่ามีค่าใช้จ่ายโครงการพิเศษในการดูแลพนักงานเพิ่มเติม โดยธนาคารและบริษัทย่อยมีมาตรการในการจัดการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน (Productivity) อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงามสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 42.57% ลดลงจากไตรมาสก่อนที่อยู่ในระดับ 42.81% 

นอกจากนี้ ธนาคารและบริษัทย่อยได้พิจารณาตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นตามหลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่องจำนวน 10,179 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.29% จากไตรมาสก่อน เพื่อให้สำรองฯ อยู่ในระดับที่เหมาะสม รองรับความ ไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวต่อเนื่อง และสถานการณ์ในอนาคตยังคงเผชิญความท้าทายจากทั้งในและนอกประเทศที่มีความผันผวนสูง กำไรสุทธิอยู่ที่ 13,007 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.16% จากไตรมาสก่อนหน้า