GULF ใช้เงินเกือบ 1 พันล้าน เข้าซื้อ KBANK ดันสัดส่วนเพิ่ม โบรกฯ คาดเก็บต่อ! หนุนถือกว่า 10%

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รายงานการได้มาหลักทรัพย์ของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK โดยบริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF 

โดย GULF ได้มาซึ่งหุ้นของ KBANK จำนวน 5,399,600 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 0.22% โดยดำเนินการดังกล่าวในวันที่ 14 ต.ค.2568 ดังนั้นจึงส่งผลให้ล่าสุด GULF ถือหุ้นใน KBANK จำนวน 119,149,900 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 5.02%

ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า จากประเด็น GULF เดินหน้าเข้าซื้อหุ้น KBANK เพิ่มขึ้นเป็น 5.0288% จากแบบรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ (246-2) ของ GULF เมื่อวันที่ 15 ต.ค. 25 พบว่า GULF มีการเข้าถือหุ้น KBANK ในจำนวนราว 119 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 5.0288% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด โดยครั้งนี้ซื้อหุ้นเพิ่มมา 5.4 ล้านหุ้น ที่ราคาสูงสุดที่ 169.50 บาท ใช้เงินลงทุนราว 915 ล้านบาท ทำให้ GULF กลายเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 4 ของ KBANK

ทั้งนี้ มองเป็น sentiment เชิงบวกต่อราคาหุ้น KBANK เพราะการที่ GULF เดินหน้าเข้าซื้อหุ้น KBANK อย่างต่อเนื่องจนเกิน 5% ซึ่งทำให้เริ่มเชื่อว่ามีโอกาสที่ GULF จะซื้อเพิ่มอีกอย่างต่อเนื่องไปถึง 10% ได้ (หากเกิน 10% จะต้องขออนุมัติผ่าน ธปท. และหากเกิน 25% จะต้องให้กระทรวงการคลังพิจารณา ขณะที่ถ้าถือเกิน 50% จะต้องได้รับการอนุมัติจากทั้ง ธปท. และกระทรวงการคลัง) 

โดยการถือที่ 10% จะทำให้ GULF สามารถมีอำนาจในการแต่งตั้งบอร์ดได้ ซึ่งมีโอกาสที่จะผลักดันให้ KBANK มีการจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นได้ 

ทั้งนี้ KBANK มีการจ่าย Dividend payout ปี 2567 แบบรวมปันผลพิเศษที่ 59% (หากเทียบกับกลุ่มที่มีการจ่ายเยอะสุดคือ TISCO ที่ 90% รองลงมาเป็น SCB ที่ 80%) ภายใต้เงินกองทุนชั้นที่ 1 (Tier-1) ที่อยู่ที่สูงที่ 18.68% มากกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำจาก ธปท. ที่ 9.5% 

แต่อย่างไรก็ดี การที่ GULF ถือหุ้นเกิน 5% จะส่งผลให้ KBANK จะถูกลดสัดส่วนการให้สินเชื่อลงจากเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อให้ผู้ถือหุ้นรายใหญ่จะให้ได้ไม่เกิน 5% ของเงินกองทุน หรือ 25% ของภาระหนี้ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ แต่เชื่อว่า GULF จะกู้เพิ่มผ่านธนาคารอื่นได้ สำหรับ KBANK ยังคงคำแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมายที่ 170.00 บาท