Gossip Station..by เจ๊จิ๋ม

Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม 06-10-25 (88TH ???)


06 ตุลาคม 2568

Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม 06-10-25 (88TH ???)

 

06-10-25 สวัสดี “ปีงูไฟ" ค่ะพี่น้องชาวไทยที่รัก "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยมีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ 

***ศุกร์ที่ผ่านมา ดาวโจนส์ปิดที่ 46,758.28 จุด เพิ่มขึ้น 238.56 จุด หรือ +0.51%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,715.79จุด เพิ่มขึ้น 0.44 จุด หรือ +0.01% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,780.51 จุด ลดลง 63.54 จุด หรือ -0.28%

***รายงานข่าวระบุว่า ดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P500 ที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกทำสถิติสูงสุดใหม่ในวันศุกร์ (3 ต.ค.) หลังการซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวน โดยได้แรงหนุนจากความคาดหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แม้การปิดทำการหรือการชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ยืดเยื้อเข้าสู่วันที่สาม

***นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าตลาดอยู่ฝั่งเดียวกับนักลงทุน ความน่าจะเป็นที่เฟดจะลดดอกเบี้ยจริง ๆ เพิ่มขึ้นตั้งแต่การปิดหน่วยงานรัฐเริ่มต้นขึ้น อาจเป็นเพราะผลกระทบต่อเศรษฐกิจ หรือข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอ รวมถึงข้อมูล ISM ที่ออกมาในเช้าวันศุกร์ ซึ่งทั้งหมดสะท้อนความคาดหวังว่า เฟดจะยังคงปรับลดอัตราดอกเบี้ย เฟดปรับลดดอกเบี้ยในเดือนก.ย. 2568 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2567 หลังตลาดแรงงานอ่อนแอ โดยเมื่อวันพุธ รายงานบ่งชี้ว่า การจ้างงานภาคเอกชนลดลง 32,000 ตำแหน่ง และมีการปรับตัวเลขเดือนส.ค.เป็นลดลง3,000 ตำแหน่ง ตลาดมักไม่ค่อยสนใจกับการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ แต่บรรดานักวิเคราะห์บางรายเตือนว่า หากยืดเยื้อ อาจสร้างความไม่แน่นอนมากขึ้นต่อนักลงทุนและผู้กำหนดนโยบายของเฟด

***นักวิเคราะห์อีกรายกล่าวว่า ตลาดโดยทั่วไปมองข้ามการปิดหน่วยงานรัฐบาล เพราะมักไม่กินเวลานานและไม่ส่งผลลบระยะยาวต่อเศรษฐกิจ แต่หากยืดเยื้อ ก็หมายความว่าการเก็บข้อมูลสำหรับรายงานสำคัญอาจล่าช้า หรือข้อมูลที่ได้ในที่สุดอาจไม่ครบถ้วนเพราะขาดการเก็บข้อมูลเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน

***ส่วนตลาดหุ้นไทย กูรูประเมินแนวโน้มสัปดาห์นี้ คาดดัชนีปรับขึ้นต่อได้ โดยมีปัจจัยหนุนจากในประเทศ ซึ่งเข้าสู่ช่วง China Golden week มาตรการคนละครึ่งที่จะเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งตลาดคาดว่าจะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งหากลดจริง 0.25% จะหนุนให้หุ้นไทยขึ้นต่อได้  ส่วนสัญญาณทางเทคนิเคิล ให้กรอบแนวรับ 1,280 จุด และแนวต้าน 1,330-1,350 จุด

***ตลาดฯประกาศแล้ว เรื่องการเพิกถอนหลักทรัพย์ KEX หรือ บมจ.เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) ที่ได้ขอเพิกถอนโดยสมัครใจ

-หมายเหตุ                                                :

ตามที่บริษัท เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KEX) ได้ขอเพิกถอนหุ้นสามัญของบริษัทจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น บัดนี้ KEX ได้ดำเนินการตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เรื่องการเพิกถอนหลักทรัพย์จดทะเบียน พ.ศ. 2564แล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 171 (4) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงสั่งเพิกถอนหุ้นสามัญของ KEX จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนตั้งแต่วันที่  15ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป โดยหุ้นสามัญของ KEX จะซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นวันสุดท้ายในวันที่  14 ตุลาคม  2568

***ศุกร์ที่ผ่านมาขอแสดงความยินดีกับผู้ถือหุ้น 88TH ยิ้มแย้มกันถ้วนหน้าเลย!!!แฮปปี้สุดๆ แม้จะไม่ได้นั่งเบนซ์กลับบ้าน..แต่เจ๊ว่าอย่างน้อยก้อได้นั่งรถเก๋งอะนะ!!! ราคาไอพีโอ 5.45 บาท  ขึ้นไปสูงสุดที่ 12.30 บาท แต่ปิดอ่อนตัวลงมายืนที่ 8.20 บาท ทำให้มีกำไรจากราคาไอพีโอถึง 2.75 บาท หรือ 50.46%

*** แต่สะกิดเตือนกันสัดนิด!!! ไม่รู้ว่าสัปดาห์นี้ยังจะไปต่อได้รึป่าว ..เพราะมีใครบางคนบอกว่า “สัญญาณยังไม่กลับตัว” ..เอาเป็นว่าอยากรู้รายละเอียดไปติดตามต่อได้ที่เฟสบุ๊คของ ซัน-กระทรวง!!!

***แต่ฟังหูไว้หูนะ..เพราะหันมามองที่ปัจจัยพื้นฐาน 88TH ยังดี!!!

-บล.เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ ประเมินราคาเหมาะสม 13.00 บาท คาดกำไรสุทธิ ปีนี้ อยู่ที่ 102 ล้านบาท เพิ่มขึ้น83.5%  และปี 2569 ที่ 137 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.5% สะท้อนจากความสำเร็จของการเติบโตของยอดขายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ แถมได้แรงหนุนจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง 

-บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินราคาเป้าหมายที่ 10 บาท คาดรายได้และกำไรสุทธิเติบโต 29% และ 41% CAGR ในช่วงปี 2568-2570 จากความแข็งแกร่งของกลุ่ม Hair Care การรับรู้รายได้เต็มปีจาก LYO Herbal และการออกสินค้าใหม่ในกลุ่ม Skincare และ Cosmetics แม้จะสูงกว่าค่าเฉลี่ยของคู่แข่ง แต่สะท้อนศักยภาพการเติบโตและความแข็งแรงของแบรนด์ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแรงและแบรนด์ชั้นนำ 88TH อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับการเติบโตระยะยาวในตลาดสุขภาพและและความงามของไทย  

-บล. บียอนด์  ประเมินราคาเหมาะสมที่ 11.70 บาท ด้วยวิธี DCF  พร้อมการเติบโตเฉลี่ย 3 ปีที่ 40% CAGR  คาดการเติบโตของ 88TH  หลัง IPO บริษัทมีแผนนำเงินระดมทุนไปใช้ในการขยายฐานลูกค้าโดยเน้นกลุ่ม ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ ด้วยแบรนด์ “LYO” ไปยังกลุ่มใหม่ๆเกี่ยวกับเส้นผมต่อยอดความสำเร็จจากผลิตภัณฑ์ Hair Color และ Hair Herbal ที่สร้างยอดขายของบริษัทให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาและยังเติบโตได้อย่างสม่ำเสมอให้กับบริษัทต่อไปในอนาคต

***ส่วนพรุ่งนี้(7 ต.ค.)ก้อจะมี  ONSENS  ไอพีโอน้องใหม่อีกรายเข้ามาซื้อขายเป็นวันแรก มี IPO ที่เสนอขาย 80ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท ราคาหุ้นละ 2.05 บาท ได้ยินว่ามีกระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุนดังกล่าวเช่นกัน

***ทั้งนี้ ONSENS เป็นหุ้นเมกะเทรนด์ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลรักษาสุขภาพ ซึ่งผู้บริโภคยุคปัจจุบันให้ความสำคัญมากขึ้นอย่างต่อเนื่องจากอุตสาหกรรมสปาในประเทศไทยที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 9.41% ต่อปี จากปี 2567 ที่มีมูลค่าราว 6.19 หมื่นล้านบาท และบริษัทเป็นผู้นำในธุรกิจออนเซนสไตล์ญี่ปุ่นและสปาครบวงจร ที่ผู้บริโภคทั้งชาวไทยและต่างชาติให้การยอมรับในมาตรฐานการให้บริการ

ปัจจุบันภาพรวมธุรกิจของ ONSENS กำลังเข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจ ซึ่งมีสัญญาณบวกอย่างชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 3/2568 มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่ามีทิศทางที่ดีไปจนถึงปลายปี