จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : CCET ผลงานปี 69 ยังแกร่ง กำไรหลักยังเติบโตกว่า 12% ขยายลูกค้าใหม่-ธุรกิจ HDD/SSD หนุน


16 กันยายน 2568

บมจ.แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (CCET) แนวโน้มปี 69  ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากลูกค้าใหม่ 2 รายในธุรกิจเครื่องพิมพ์เลเซอร์ แม้ความต้องการในตลาดโลกที่อ่อนแอและเงินบาทแข็งค่า

CCET ผลงานปี 69 ยังแกร่ง_S2T (เว็บ)_0.jpg

บล.เมย์แบงก์ วิเคราะห์สถานการณ์ บมจ.แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (CCET) โดยระบุว่า ยังคงแนะนำ ซื้อ โดยปรับลดราคาเป้าหมายอิงวิธี DDM เหลือ 7.20 บาท (จากเดิม 9.00 บาท) หลังปรับลดประมาณการ EPS และ DPS ของปี 68-69 (ลดสมมติฐานยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้น) คำแนะนำ ซื้อ ยังคงได้รับแรงหนุนจากกำไรหลักปี 69 ที่คาดว่าจะเติบโต 12% จากปีก่อนหน้า

โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญคือ 1.รายได้จากลูกค้าใหม่ 2 รายในธุรกิจเครื่องพิมพ์เลเซอร์ตั้งแต่ไตรมาส 4/67 เป็นต้นไป 2.ความต้องการต่อเนื่องของ HDD/SSD สำหรับองค์กรและศูนย์ข้อมูล

ทั้งนี้ CCET ยังคงเป็น Top Pick ในกลุ่ม ETRONs ของไทย เนื่องจากความยืดหยุ่นด้านภูมิศาสตร์ท่ามกลางความไม่แน่นอนของภาษีศุลกากร 

สำหรับประเด็นระยะสั้นที่ต้องแก้ไขภายในครึ่งปีหลังปี 2568 โดยในการประชุมนักวิเคราะห์ไตรมาส 2/68 (20 ส.ค.) ผู้บริหารชี้แจงว่ายอดขายที่ต่ำกว่าคาดในช่วง เดือน มิ.ย.–ก.ค. 68 เกิดจาก

1. ลูกค้าหลักเปลี่ยนโมเดลสินค้า (คาดว่าจะกลับมาสั่งซื้อในช่วงปลาย ส.ค./ก.ย.)

2. การทดสอบและตรวจสอบคุณภาพของลูกค้าเครื่องพิมพ์เลเซอร์ใหม่ที่ใช้เวลานาน (คาดว่าจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตเต็มรูปแบบได้ในไตรมาส 4/68) เราจึงปรับลดประมาณการกำไรหลักปี 68 ลง 8% เหลือ 3 พันล้านบาท เพื่อสะท้อนความไม่แน่นอนเหล่านี้ 

ส่วนแนวโน้มปี 69 บล.เมย์แบงก์ เชื่อว่ายังคงเป็นบวก แม้เราปรับลดประมาณการกำไรหลักปี 69 ลง 21% เนื่องจากปรับลดประมาณการยอดขาย ปี 69 ลง 13% จากความต้องการโลกที่อ่อนแอและค่าเงินบาทแข็งขึ้น อย่างไรก็ตาม เรายังคาดว่า กำไรหลักปี 69 จะเติบโต 12% จากปีก่อน เป็น 3.4 พันล้านบาท จากลูกค้าเครื่องพิมพ์เลเซอร์ใหม่และธุรกิจ HDD/SSD

นอกจากนี้ ผู้บริหารยังคงมองบวกต่อธุรกิจ EV charging และ Smart Wearables ซึ่งเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการของเรา   โดยมองว่า CCET ไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากประเด็น transhipment  แม้ว่าภาษีตอบโต้ 19% อาจกระทบความต้องการผู้บริโภคขั้นสุดท้าย เราไม่เห็นผลกระทบจากภาษี transhipment ต่อมุมมองของบริษัท โดยคาดว่า CCET สามารถปรับโครงสร้างให้สอดคล้องกับข้อกำหนด Regional Value Content (RVC) และหลีกเลี่ยงภาษี transhipment

โดยประมาณ RVC อยู่ที่ 40% ซึ่งสอดคล้องกับข้อกำหนดปัจจุบัน และใกล้เคียงกับระดับ 50-60% ที่สหรัฐเสนอ นอกจากนี้ CCET ได้รับการยืนยันว่าลูกค้าจะรับภาระค่าใช้จ่ายภาษี ทำให้แรงกดดันต่ออัตรากำไรขั้นต้นมีจำกัด