Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม 07-08-25 ( ADVANC ปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 6.89 บ.)
Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม 07-08-25 ( ADVANC ปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 6.89 บ.)
07-08-25 สวัสดี “ปีงูไฟ" ค่ะพี่น้องชาวไทยที่รัก "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยมีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ
***ADVANC ทำให้หัวใจผู้ถือหุ้นชุ่มชื่นยิ่งนัก..ด้วยการประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 6.89 บาท มีกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 19 ส.ค. และจะจ่ายเงินปันผลวันที่ 3ก.ย. นี้
***ส่วนผลประกอบการไตรมาสสองสวยงามตามท้องเรื่อง ADVANC ชี้แจงว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 68 รายได้จากการให้บริการหลัก อยู่ที่ 84,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.6 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการเติบโตที่เพิ่มขึ้นของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
รายได้โทรศัพท์เคลื่อนที่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.8 เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของ ARPU ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของกลุ่มลูกค้าที่มีคุณภาพ การส่งเสริมการขายแพ็กเกจ 5G และการขายบริการเสริมด้านความบันเทิง ขณะที่ รายได้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.5 เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการขยายฐานกลุ่มลูกค้าที่มีคุณภาพและการปรับตัวดีขึ้นของ ARPU ซึ่งเป็นผลจากกลยุทธ์ส่งเสริมการขายแพ็กเกจมูลค่าสูง สำหรับรายได้บริการลูกค้าองค์กรและอื่น ๆ เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับปีก่อน จากความต้องการการเชื่อมต่อที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะบริการเชื่อมต่อโครงข่าย (EDS) และบริการคลาวด์ รวมถึงรายได้การเชื่อมต่อโครงข่ายจาก NT ที่เพิ่มขึ้น โดย รายได้จากการขายอุปกรณ์และซิม เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการมุ่งเน้นธุรกิจค้าปลีกและความต้องการสมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้นท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาษีนำเข้า
ต้นทุนการให้บริการ ลดลงร้อยละ -1.1 โดยหลักมาจากค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่ลดลงร้อยละ -3.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากค่าตัดจำหน่ายสินทรัพย์สิทธิการใช้ (Right-of-use assets) ที่ลดลง และการตัดค่าเสื่อมราคาครบจำนวน สำหรับ ค่าใช้จ่ายโครงข่าย เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 เมื่อเทียบกับปีก่อนจากการควบรวมโครงข่ายอย่างต่อเนื่อง ชดเชยกับค่าใช้จ่ายจากการเป็นพันธมิตรกับ NT ที่ลดลง ขณะที่ ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 เมื่อเทียบกับปีก่อน จากค่าใช้จ่ายพนักงานที่เป็นฐานต่ำในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 และค่าใช้จ่ายการตลาดที่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับรายได้
กำไร EBITDA ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการเติบโตของทุกธุรกิจหลัก และการมุ่งเน้นการดำเนินงานที่สร้างกำไร ขณะที่ กำไรสุทธิ อยู่ที่ 21,565 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 27 เมื่อเทียบกับปีก่อน จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและการบริหารต้นทุนอย่างรอบคอบ
***บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)
(หน่วย : พันบาท)
งบการเงิน
ไตรมาสที่ 2 6 เดือน
สอบทาน สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 30 มิถุนายน
ปี 2568 2567 2568 2567
กำไร (ขาดทุน) 10,981,885 8,577,263 21,565,411 17,028,317
ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่ *
กำไร (ขาดทุน) 3.69 2.89 7.25 5.73
สุทธิต่อหุ้น (บาท)
***สำหรับการประชุม GBC คาดหารือจบวันนี้ (7 ส.ค.68) กูรูในวงการหุ้นบอกว่าให้น้ำหนักผลการประชุมจะออกมาไร้ทิศทาง ข้อตกลงไม่มีความชัดเจน ความขัดแย้งจะยังคงมีต่อ คาดว่าจะมีการใช้กำลังทางการทหาร ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นรัฐบาล และกระทบต่อความเชื่อมั่นการลงทุนตลาดหุ้นด้วย
***ส่วนทิศทางของตลาดหุ้นมีกูรูออกมาประเมินว่า Market momentum ของ SET Index ปัจจุบันเป็นภาพบวก มองแนวต้านเดือน ส.ค. 1295/ 1330 จุด แนวรับ 1230/1220 จุด โดยมีดัชนีเป้าหมายปีนี้ที่ 1370 จุด
1.) ตลาดกลับมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย EMA 200 วัน ที่ 1238 จุด
2.) Sector หุ้นไทยที่นำดัชนีบ่งชี้แนวโน้มขาขึ้น (ในรูป) อิงจาก 31 มี.ค.– ปัจจุบัน กลุ่มที่ปรับขึ้นมากที่สุด 4 Sector คือ ชิ้นส่วน +111.8% , ปิโตรเคมี +20.04% , Packaging +17.45%,กลุ่มวัสดุก่อสร้าง +15.3% กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง +7.2% โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน 10 วัน 20 วัน 75 วัน และ 200 วัน
3.) หุ้นที่มีอิทธิพลต่อ SET ยังมีโครงสร้างแข็งแกร่ง แนวโน้มขาขึ้น อิงบริษัทที่มี Market Cap ใหญ่ 15 ลำดับ DELTA, PTT, ADVANC, GULF, PTTEP, AOT, CPALL, SCB,TRUE , KBANK, BDMS ,KTB, BBL,CPN, SCC (#Note เรียงตาม Market Cap จากมากไปน้อย) พบว่า 10 ใน 15 บริษัทราคาหุ้นปรับขึ้นยืนเหนือเส้น 5 /10 20 ,75วัน สะท้อนแนวโน้มขาขึ้น ยกเว้น GULF ,BDMS, CPN มีแนวต้าน EMA 200 แต่ยืนเหนือเส้น 5 /10 20 ,75 วัน TRUE, CPALL ยังออกข้างและต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น 5 วัน 10 วัน
4.) ปัจจัยหนุนทางพื้นฐานระยะถัดไปยังชัดเจน
-ทิศทางดอกเบี้ยโลกและไทยมองเป็นขาลง
-รายงานเศรษฐกิจสหรัฐฯยังไปในโทนอ่อนลง ถ่วง Dollar Index หนุนค่าเงินสร้างจิตวิทยาบวกต่อความต่อเนื่อง Fund Flows
-ภาษีเท่าเทียม 19% หนุนศักยภาพแข่งขันของไทย และ ส่วนดึง Fund Flows จากประเทศเกิดใหม่อื่น (EM)
- การเมืองไทยเดินหน้า การขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจเริ่มต่อเนื่อง
5.) แม้ SET ปรับขึ้นต่อเนื่อง แต่ระดับ Current Equity Risk Premium ยังสูง 5.24% > AVG + 2.0 S.D. ยังอยู่ในโซน Value และหากใช้ Forward Equity Risk Premium (อิงกำไรสิ้นปี 2025F) ไทยยังอยู่อันดับ 3 ของโลก รองจากฮ่องกงและเกาหลีใต้
***อีกเรื่องที่ต้องเกาะติดและห้ามพลาดคือ “โดนัลด์ ทรัมป์” กล่าวว่า เขาจะประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรครั้งใหม่ต่อชิปและเซมิคอนดักเตอร์ในเร็ว ๆ นี้ โดยอาจเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์หน้า เป็นการเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับตลาดหุ้น โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มที่ว่านี้อาจได้รับผลกระทบทางลบได้
***ทางด้าน MTC หลังประกาศผลประกอบการไปแล้ว “ปริทัศน์ เพชรอำไพ” ประธานกรรมการบริหาร เปิดเผยว่าแม้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีแรกจะเริ่มมีสัญญาณการชะลอตัวลงจากปัจจัยต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศไม่ว่าจะเป็น การชะลอตัวของภาคการท่องเที่ยว แรงกดดันจากการปรับขึ้นภาษีทางการค้าของสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตด้วยกลยุทธ์การขยายพอร์ตสินเชื่อผ่านเครือข่ายกว่า8,433 สาขาทั่วประเทศ ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 ควบคู่กับนโยบายอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม เพื่อขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มที่ยังคงพึ่งพาสินเชื่อนอกระบบ โดยมุ่งหวังให้ประชาชนได้รับบริการทางการเงินที่โปร่งใส เข้าถึงง่าย และเป็นธรรม พร้อมมีส่วนร่วมในการสร้างเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้แข็งแกร่งและยั่งยืนยิ่งขึ้น
***ส่วนทิศทางธุรกิจในช่วงครึ่งหลังปีนี้ บิ๊กบอสหนุ่มไฟแรงของ MTC มั่นใจว่าพอร์ตสินเชื่อจะเติบโตประมาณ 10-15% และควบคุมสัดส่วนของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ไว้ให้ไม่เกิน 2.70% ตามเป้าหมายที่วางไว้ อีกทั้งยังคงมุ่งมั่นส่งมอบโอกาสทางการเงินให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง และเสริมสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากลูกค้า นักลงทุน และผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน ด้วยความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาล