Gossip Station..by เจ๊จิ๋ม

Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม 31-07-25 (ถ้าเรื่องนี้จริง!เป็นข่าวดีของตลาดหุ้นไทย)


31 กรกฎาคม 2568

Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม  31-07-25 (ถ้าเรื่องนี้จริง!เป็นข่าวดีของตลาดหุ้นไทย)

 

31-07-25 สวัสดี “ปีงูไฟ" ค่ะพี่น้องชาวไทยที่รัก "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยมีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ 

***เมื่อวานราวๆ สี่โมงเย็น ก้อมีข่าวส่งเข้ามาในห้องต่างๆ โดยมีเนื้อความว่า MSCI Thailand อาจถูกเพิ่มน้ำหนักการลงทุนเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปีครึ่ง !!! แหม!!! ถ้าเรื่องนี้เป็นจริงถือว่าเป็นข่าวดีของตลาดหุ้นไทยเราเลยค่ะ แบบนี้เงินเย็นที่มีน่าจะทยอยเอาออกไปซื้อสะสมหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี โดยเฉพาะกลุ่ม SET50-SET100 เข้าพอร์ตรอล่วงหน้าไว้เลย!!!

***จากมติ  ครม. ที่อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พ.ศ. ... ตามที่กระทรวงพลังงาน (พน.) เสนอ โดยมีสาระส าคัญ คือก าหนดให้มีการแจ้งการติดตั้ง Solar Rooftop เพื่อใช้เองในที่อยู่อาศัยหรือสถานประกอบกิจการต่ออธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.) ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน โดยไม่ต้องขออนุญาตการติดตั้งจากหน่วยงานของรัฐอีก..บอกเลยว่าถูกใจเจ๊มากกกกกก

***เรื่องนี้ กูรูหุ้นคาดว่าจะเป็นการเร่งเกิดการติดตั้ง Solar Rooftop ในไทยระยะถัดไป บวกต่อหุ้นที่เชื่อมโยงสินค้าดังกล่าวระยะสั้น อาทิ GULF GUNKUL รวมถึงภาพระยะกลาง-ยาวหุ้นในธีม Infra Tech ที่ทิศทางดังกล่าวเป็นรากฐานปริมาณไฟฟ้าหมุนเวียนในประเทศ เน้นโรงไฟฟ้า GULF สื่อสาร ADVANC กลุ่มรับสร้าง Data Center INSET และหุ้น Digital Tech BBIK

***อีกเรื่องที่เจ๊เห็นว่าน่าสนใจมากๆ คือ ราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวสูงขึ้น หลังจากสหรัฐอเมริกา (US) เตรียมที่จะคว่ำบาตร (sanction) รัสเซียเพิ่มเติมหากรัสเซียไม่ประสบความคืบหน้าในการยุติสงครามกับยูเครนภายใน 10 วัน โดยสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษี (tariff) และออกมาตรการอื่นเพิ่มเติมกับรัสเซีย ในขณะเดียวกันก้อได้แจ้งกับจีนว่าจีนอาจจะเจอ tariff ที่สูงหากจีนยังคงซื้อน้ำมันรัสเซียต่อไป

***กูรูมีมุมมองว่า เรื่องดังกล่าวเป็นบวกต่อแนวโน้มราคาน้ำมันดิบระยะสั้นจากข่าวนี้ อย่างไรก็ดีเชื่อว่าราคาน้ำมันดิบจะยังคงมีความผันผวนที่สูงอยู่จากการเจรจาดีลการค้าของสหรัฐฯ  กับประเทศคู่ค้าที่ยังดำเนินอยู่ มีมุมมองว่าข่าวนี้เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำและโรงกลั่นจากราคาขายเฉลี่ย (ASP) ที่น่าจะสูงขึ้นและการรับรู้กำไรจากสต๊อก (stock gain) ที่เป็นไปได้ โดยหุ้นที่แนะนำ คือ PTTEP-TOP-SPRC และ BCP

***เมื่อคืน SCC ประกาศงบไตรมาสสองเรียบร้อย..กำไรสวยมากๆๆๆๆๆ แต่เจ๊ว่าที่ผู้ถือหุ้นชอบมากกว่าการเห็นตัวเลขสวยๆ คือ การแจ้งจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล  2.50 บาท/หุ้น มีกำหนดขึ้น XD ในวันที่ 13 ส.ค. และจะจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในวันที่ 28 ส.ค. 68

***ปูนใหญ่แจ้งว่าไตรมาสที่ 2/68 กระแสเงินสดแข็งแกร่ง มี EBITDA อยู่ที่ 17,431 ล้านบาท จากเงินปันผลรับตามฤดูกาลจากการลงทุนในธุรกิจอื่น (SCG Investment) รวมถึงผลการด าเนินงานที่ดีขึ้นจากไตรมาสก่อน ของธุรกิจซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชันส์ และธุรกิจแพคเกจจิ้ง

- ในช่วงครึ่งปี แรกของปี 2568 EBITDA อยู่ที่ 30,320 ล้านบาท และ EBITDA from Operations อยู่ที่ 23,111 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปี หลังของปี 2567 ซึ่งเป็นอานิสงส์จากการบริหารจัดการภายในเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานธุรกิจ (สรุปผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 เพิ่มเติมในตารางเอสซีจี 1)

- เงินปันผลรับในไตรมาสที่ 2/68 อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 8,086 ล้านบาท ซึ่งมีส่วนช่วยสนับสนุนกระแสเงินสดให้มีความมั่นคง

- กำไรสำหรับงวดสำหรับไตรมาสที่ 2/68 อยู่ที่ 17,337 ล้านบาท ซึ่งรวมรายการพิเศษ1 จำนวน 15,170 ล้านบาท

- กำไรสำหรับงวดที่ไม่รวมรายการพิเศษ สำหรับไตรมาสที่ 2 ปี 2568 อยู่ที่ 2,167 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 97% จากไตรมาสที่ 1/68 โดยผลการด าเนินงานที่ดีขึ้นในไตรมาสนี้ เป็นผลจากเงินปันผลรับตามฤดูกาลจากการลงทุนในธุรกิจอื่น (SCG Investment) ผลการด าเนินงานที่ดีขึ้นของธุรกิจซีเมนต์ แอนด์กรีนโซลูชันส์ รวมถึงธุรกิจแพคเกจจิ้ง

- ทั้งนี้กำไรสำหรับงวดที่ไม่รวมรายการพิเศษ ไม่รวมผลการดำเนินงานของลองเซินปิ โตรเคมิคอลส์ คอมเพล็กซ์ และไม่รวมผลขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือของเอสซีจี เคมิคอลส์ (เอสซีจีซี) 913 ล้านบาท ผลการดำเนินงานของเอสซีจี มีกำไรอยู่ที่ 6,147 ล้านบาท

***อีกเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับ SCC คือ การเปิด 5 กลยุทธ์ สำหรับช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568

1. เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในอาเซียน: ใช้ประโยชน์จากการด าเนินงานในอาเซียนจากทุกธุรกิจ
2. ธุรกิจเคมิคอลส์: เตรียมกลับมาดำเนินงานโรงงานลองเซินปิโตรเคมิคอลส์คอมเพล็กซ์ ที่ประเทศเวียดนาม (LSP) ซึ่งจะใช้เวลาเตรียมความพร้อมประมาณ 1-1.5 เดือน
3. ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับซีเมนต์และการก่อสร้าง: เร่งผลักดันปูนคาร์บอนต่ำ Gen 2 และ Gen 3 ต่อเนื่อง รวมถึงขยายปูนคาร์บอนต่ำในอาเซียน
4. ด้านการเงิน (Financials): ให้ ความสำคัญเป็นลำดับแรกในเรื่องปรับโครงสร้างการดำเนินงานและธุรกิจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน รวมถึงลดภาระหนี้ โดยในปี 2568 คาดการณ์งบประมาณรายจ่ายลงทุนและเงินลงทุน จะอยู่ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาท โดยมีความยืดหยุ่นในการปรับลด เมื่อเทียบกับ 55,305 ล้านบาทในปี 2567 ในขณะที่คาดการณ์ EBITDA ในปี 2568 จะยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นผลมาจากการบริหารจัดการภายในให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
5. ด้านการดำเนินงาน (Operations): เน้นผลิตภัณฑ์และบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (High Value-Added) หรือ HVAและเพิ่มกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพที่เหมาะสมกับราคา (Smart Value Product)
SCC