Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม 30-07-25 (5 เรื่องต้องรู้ตอนนี้!ก่อนซื้อหุ้น)
Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม 30-07-25 (5 เรื่องต้องรู้ตอนนี้!ก่อนซื้อหุ้น)
30-07-25 สวัสดี “ปีงูไฟ" ค่ะพี่น้องชาวไทยที่รัก "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยมีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ
***ตอนนี้เจ๊เห็นว่ามีประเด็นที่น่าสนใจหลายอย่างที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยและราคาหุ้นในพอร์ตของพวกเรา ก้อเลยรวบรวมมาไว้ให้แฟนคลับได้อ่านกัน
***สัปดาห์นี้จะมีการประชุม FOMC ในวันที่ 29-30 ก.ค. กูรูในวงการคาดว่า Fed จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.25-4.50% โดยจาก Dot Plot ในการประชุมเดือน มิ.ย. ชี้ให้เห็นว่ากรรมการ Fed มองดอกเบี้ยนโยบายที่เหมาะสมของปีนี้ ควรอยู่ในช่วง 3.75-4.00% หลังการประชุมนี้ Fed จะเหลือการประชุมอีก 3 ครั้ง (16-17 ก.ย., 28-29 ต.ค., 9-10 ธ.ค.) การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.5% อาจเกิดขึ้นในการประชุมครั้งเดียวหรือ 2 ครั้งภายในปีนี้
***31 ก.ค.นี้ วันสุดท้ายการส่งคำชี้แจงคดีคลิปเสียง “ฮุน เซน” ของนายกฯอิ๊ง หลังจากขอเลื่อนมาประมาณ 15วัน หลังส่งคำชี้แจงแล้ว คาดผลการตัดสินของศาลฯ จะออกช่วงกลางเดือนส.ค. พร้อมๆ กับคดี ม.112 และคดี รพ.ตำรวจชั้น 14 ของนายทักษิณ .... ตลาดหุ้นจะกลับมาถูกกดดันอีกครั้งในช่วงที่ศาลฯ ตัดสินคดีสำคัญเหล่านี้
***สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แม้จะหยุดยิง แต่หากมีการกลับมายิงกันต่อ(ในอนาคต) จนกระทั่งกระทบกับการเมืองประเทศไทย จะส่งผลบมากต่อความมั่นคงของรัฐบาลและประเทศ ... นักลงทุนควรระมัดระวังในการลงทุนหุ้นที่ประกอบธุรกิจในกัมพูชา รวมถึงธุรกิจที่อยู่จังหวัดชายแดน อาทิ หุ้นโรงพยาบาล นิคมฯ และ ธุรกิจผลิตน้ำมัน (PTTEP) ที่อาจเสียโอกาสในการผลิตน้ำมันในเขตทับซ้อน
***รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศระงับมาตรการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีไปยังจีน เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อการเจรจาการค้ากับจีนภายในปีนี้ นอกจากนี้ ขยายระยะเวลาผ่อนผันเก็บภาษีชั่วคราวไปอีก 90 วันจากเดิมที่จะสิ้นสุด 12 ส.ค. ก่อนที่สัปดาห์นี้คณะผู้แทนเจรจาเศรษฐกิจระดับสูงของสหรัฐฯ และจีน มีกำหนดพบปะในกรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน กูรูประเมินว่าเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้น Tech ในจีน เป็นบวกต่อตลาดหุ้นจีน โดยเฉพาะฮ่องกง ผสานจิตวิทยาบวกต่อ DR หุ้น Tech จีน
***เรื่องการประกาศผลประกอบการของบจ.งวดไตรมาสสองปีนี้ 29 ก.ค. – 1 ส.ค. รายงานกำไรหุ้น Real Sector งวด หลักๆ คือ
29 ก.ค. : SCGP, HMPRO, GLOBAL
30 ก.ค. : SCC
31 ก.ค. : BH, ITC
1 ส.ค. : MINT
กลยุทธ์การลงทุน กูรูแนะนำเก็งกำไรหุ้นที่แนวโน้มงบเด่น เน้น ADVANC, BCH, BDMS, KTC,MINT, MOSHI, PTTGC, SCC
***ส่วนความคืบหน้าการเจรจาการค้าสหรัฐฯ – ไทย ขอเอามาทบทวนกันอีกรอบ จากความคืบหน้าล่าสุด มีความเกี่ยวโยงไปถึงสถานการณ์สู้รบระหว่างไทย - กัมพูชา โดยสหรัฐฯ ยืนยันว่าจะไม่มีการเจรจากับทั้ง 2 ประเทศ หากไม่หยุดยิง ทำให้ระยะสั้นตลาดอาจจะให้น้ำหนักทางลบต่อความเสี่ยงการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ เพื่อลดอัตราที่จะถูกเรียกเก็บที่ 36% ไม่ทันก่อน 1 ส.ค. ที่ระดับภาษีจะเริ่มมีผล อย่างไรก็ตาม ข้อสรุปที่ไทย – กัมพูชาตกลงร่วมกัน ในการประชุมที่ประเทศมาเลเซีย ว่า
1.) จะหยุดยิงนับจากเช้าวันที่ 29 ก.ค. (ตั้งแต่เที่ยงคืน)
2.) ประชุมฝ่ายทหารของทั้ง 2 ประเทศ วันที่ 29 ก.ค.
3.) ประชุม GBC วันที่ 4 ส.ค.
กูรูวงการหุ้นคาดการเจรจาสหรัฐฯ - ไทยน่าจะเดินหน้าไปตามขั้นตอนเดิม โดยหลังจากสหรัฐฯ ทยอยตกลงกับหลายประเทศหลักๆ ที่เกินดุลสหรัฐฯได้แล้ว อาทิ จีน เวียดนาม (ได้เฉพาะข้อเสนอ) ยุโรป ญี่ปุ่นน่าจะใกล้ถึงคิวเจรจากับไทย โดยหากอิงท่าทีคุณ Trump ล่าสุดที่มองระดับภาษีกรณีฐาน (Baseline) ราว 15-20% และ Trump ให้ข้อมูลผ่าน X ว่าจะพิจารณาภาษีที่ดีที่สุดให้กับไทย ทำให้เริ่มมีโอกาสเห็น Upside มากขึ้นต่อกรณี Base Case ที่เราวางไทยจะได้ภาษีการค้าระดับ 25% และ Effective Tariff Rate จะอยู่ระดับที่แข่งขันกับชาติคู่แข่งในอาเซียนได้
***ทั้งนี้ ได้ประเมิน 4 ฉากทัศน์กรณีการเจรจาการค้าสหรัฐฯ - ไทย ดังนี้
1.)ไทยได้ดีล Reciprocal Tariff 15–18%
-Effective Ttariff Rate(ETR) ของไทยสุทธิจะอยู่ราว 17-18% ต่ำกว่าอินโดนีเซีย(ETR 26%)และเวียดนาม(ETR 18.4%)
-คาด SET จะตอบรับทางบวก Bullish +5% ไปซื้อขาย 1260-1300 จุด
กลยุทธ์
-เน้นนิคมฯ WHA, AMATA รับ FDI China plus 1 Export Tech เน้น DELTA, KCE, HANA : ส่งออก TU, ITC, AAI, STA
-กลุ่มนำเข้า (กรณีไทยตกลงงดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ เช่นกัน) COM7, ADVICE, SYNEX, BE8, BBIK, GULF, GPSC, PTTGC, CPF (กรณีไม่นำเข้าสุกร - ไก่)
-กลุ่มInfra + Import Technology Play กรณีไทยมีข้อเสนอพิเศษเปิดสหรัฐฯลงทุน Data Center ใช้ไทยเป็นศูนย์กลาง GULF, ADVANC
***2.) ไทยได้ดีลภาษี Reciprocal Tariff 19-22%
-ETR ของไทยจะอยู่ราว 19% ต่ำกว่าระดับอินโดนีเซีย ETR 26% แต่ใกล้เคียงกับเวียดนาม
-คาด SET จะปรับขึ้นแคบๆ 2-3% กรอบ 1230-1260 จุด
กลยุทธ์
-Selective Reopening Trade ที่ Deep Value อาทิ Export: KCE, HANA นิคม ฯ WHA,
AMATA
-กลุ่มนำเข้า (กรณีไทยตกลงงดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ เช่นกัน) ADVANC, COM7, ADVICE,INSET นำเข้าก๊าซ :PTTGC, GPSC, BGRIM
***3.) ไทยได้ดีลภาษี Reciprocal Tariff 22-25%
-Effective tariff rate ของไทยจะอยู่ราว 21% ดีกว่าอินโดนีเซีย และแต่ยังแข่งกับเวียดนามได้
-ประเมินเป็นกลาง SET แกว่งตัวรอปัจจัยใหม่บริเวณ 1200-1230+/-จุด
กลยุทธ์
-หุ้นเด่นเน้น กลุ่มDomestic Defensive: BDMS, CPALL โรงไฟฟ้า: GULF, GPSC เปิดเมือง–ท่องเที่ยว: MINT, CENTEL กลุ่ม เช่าซื้อ KTC, MTC
***4.) ไทยไม่ได้ดีล ภาษี Reciprocal Tariff 1 สค คง 36% (แย่กว่าอินโดนีเซียและเวียดนาม)
-ETR ของไทยจะอยู่ 25% ดีกว่าอินโดนีเซียเล็กๆที่ 26% แต่เสียเปรียบเวียดนาม 18.4%
-ประเมินเป็นลบเทียบกับความคาดหวังตลาดในปัจจุบัน SET มีโอกาสปรับฐานลงไปแกว่งบริเวณ 1120-1150 จุด
กลยุทธ์
-เน้นหุ้นดอกเบี้ยลดแบบเร่งลดผลกระทบเศรษฐกิจ KTC, MTC High Yield ADVANC, AP หนี้สูง อาทิ TRUE, MINT, CPALL Defensive: GULF, BCPG กลุ่ม Healthcare BDMS,BCH, CHG ท่องเที่ยว CENTEL, ER