รายงานพิเศษ : CCET ครึ่งหลังเด่น! บุ๊กรายได้เครื่องพิมพ์เลเซอร์เพิ่มขึ้น โบรกฯ เชียร์ “ซื้อ” เป้า 9 บาท
นักวิเคราะห์เชียร์ “ซื้อ” บมจ.แคล-คอมพ์อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ CCET ให้ราคาเป้าหมายที่ 9.00 บาท จากแนวโน้มผลงานครึ่งปีหลังปรับตัวดีขึ้น ลุยรับรู้รายได้จากลูกค้าเครื่องพิมพ์เลเซอร์ใหม่เพิ่มขึ้น และอัตรากำไรขั้นต้น ที่ดีขึ้น
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” CCET จากแนวโน้มเชิงบวกในครึ่งหลังปี 68 และปี 69 โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 9.00 บาท
ทั้งนีร้ประเมินกำไรหลักปี 2568 จะเติบโต 4% และปี 2569 เติบโต 31% จากการเติบโตของยอดขายที่แข็งแกร่ง และการปรับตัวดีขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จากสัดส่วนสินค้า (product mix) ที่ดีขึ้น แม้คาดว่ากำไรหลักในไตรมาส 2/68 จะอ่อนแอ และมีดาวน์ไซด์ต่อประมาณการกำไรปี 68 ราว 5-10% หลังยอดขายเดือนมิถุนายน 68 ต่ำกว่าคาด
โดยมองว่ากำไรจะฟื้นตัวในครึ่งหลังของปี 68 และในปี 69 จากลูกค้าใหม่ในกลุ่มเครื่องพิมพ์เลเซอร์ 2 ราย และการเริ่มกลับมา สั่งซื้อใหม่ (restocking) หลังลูกค้ามีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับประเด็นภาษี หุ้น CCET มีการซื้อขายที่ระดับ PE ปี 69 ที่ 13.6 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี
ทั้งนี้คาดกำไรหลักไตรมาส 2/68 (มีกำหนดรายงานระหว่างวันที่ 12-15 สิงหาคม) ที่ 608 ล้านบาท ลดลง 26% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 14% จากไตรมาสก่อน การลดลง จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากยอดขายที่ลดลงจากอุปสงค์ที่อ่อนตัว ท่ามกลางความไม่แน่นอนด้านภาษี และ GPM ที่ลดลง จากแรงกดดันของเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นและอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ลดลง
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ากำไรจะถึงจุดต่ำสุดในไตรมาส 2/68 และจะฟื้นตัวในครึ่งหลังของปี จาก 1.การรับรู้รายได้จากลูกค้าเครื่องพิมพ์เลเซอร์ใหม่เพิ่มขึ้น และ 2. อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ดีขึ้นจากค่าเงิน USD/THB ที่เสถียรขึ้น
สำหรับ ยอดขายเดือนมิถุนายน 68 ที่ 288 ล้านดอลลาร์ ลดลง 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 21% จากเดือนก่อน ถือเป็นเซอร์ไพรส์ ด้านลบ เนื่องจากยังคงมีการระงับอัตราภาษีอยู่ปัจจัยที่อาจเป็นสาเหตุ ได้แก่ 1.การเลื่อนคำสั่งซื้อเพราะประเด็นภาษี และ2. ความต้องการที่อ่อนตัวลงจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าเครื่องพิมพ์และสมาร์ทวอชต์ ดังนั้นเราจึงเห็นความเสี่ยงต่อประมาณการกำไรปี 68 ที่ระดับ 5-10% และรอติดตามผลประกอบการไตรมาส 2/68 รวมถึงยอดขายเดือนกรกฎาคม 68 (มีกำหนดระหว่างวันที่ 6-8 สิงหาคม) เพื่อประเมินแนวโน้มของบริษัทอีกครั้ง
ทั้งนี้มองว่าผลกระทบต่อ CCET จากกรณีที่สหรัฐฯ ขู่จะขึ้นภาษีต่อบราซิลเป็น 50% (จากเดิม10%) ยังจำกัด เนื่องจากเราคาดว่ารายได้ของ CCET ที่มาจากโรงงานในบราซิลมีสัดส่วนไม่ถึง 7% อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้อาจลดความยืดหยุ่นของ CCET ในการช่วยลูกค้าย้ายการผลิตไปยังพื้นที่ที่มีภาษีเอื้ออำนวยมากกว่า และอาจส่งผลให้ความต้องการในอนาคตชะลอลง
นอกจากนี้ยังเพิ่มความเสี่ยงที่การผลิตบางส่วนอาจถูกย้ายไปยังโรงงานในฟิลิปปินส์ (อัตราภาษี 17-20%) ซึ่ง CCET ถือหุ้นอยู่เพียง 19%