Talk of The Town

SCC ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว! โบรกฯ อัพเกรดเป็น “ซื้อ” เพิ่มเป้า 200 บาท ชี้ Q3 เป็นจังหวะสะสม เข้าสู่รอบฟื้นตัว


11 กรกฎาคม 2568

หุ้น SCC เริ่มกลับมาเป็นที่จับตาอีกครั้งในสายตานักลงทุนสถาบัน หลังนักวิเคราะห์อัปเกรดคำแนะนำเป็น “ซื้อ” จาก “ขาย” และปรับราคาเป้าหมายปี 2568 ขึ้นเป็น 200 บาท ชี้ช่วงไตรมาส 3/2568 เป็นโอกาสสะสม SCC แถม จุดต่ำสุดของธุรกิจได้ผ่านไปแล้วตั้งแต่ไตรมาส 4/2567

SCC ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว_S2T (เว็บ) copy_0.jpg

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการวิเคราะห์โดยอิง Data Driven มองว่าตลาดปิโตรเคมีฯ จะเริ่มฟื้นในไตรมาส 4/2568 ดังนั้นช่วงไตรมาส 3/68 คือ จังหวะสะสมหุ้นในกลุ่มนี้ โดย SCC มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจเคมีราว 40% จึงได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวในรอบนี้ ขณะเดียวกันยังมีจุดแข็งจากการเป็นผู้เล่นระดับภูมิภาคที่มีฐานการผลิตใน ASEAN ทำให้ได้รับผลกระทบจำกัดจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ

โดยปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ขึ้น 42% เป็น 6.86 พันล้านบาท และกำไรระยะยาวขึ้น 8% จึงปรับราคาเป้าหมายปี 2568 ขึ้นเป็น 200 บาท (จากเดิม 135 บาท) พร้อมอัปเกรดคำแนะนำเป็น “ซื้อ” จาก “ขาย”

ขณะที่คาดกำไรหลักไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 2.86 พันล้านบาท ลดลง 30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 141% จากไตรมาสก่อน โดยธุรกิจเคมีคาดว่ากำไรจะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากต้นทุนที่สูงขึ้น แต่ฟื้นตัวจากกไตรมาสก่อน เนื่องจากปริมาณขายที่เพิ่มและ Spread ที่ดีขึ้น ขณะที่ CBM และ Packaging คาดว่าจะมีกำไรดีขึ้นจากไตรมาสก่อน ตามฤดูกาลและราคาขาย อีกทั้ง SCC มีโอกาสรับรู้กำไรพิเศษจากการขายหุ้น CAP (PT Chandra Asri Pacific Tbk) ซึ่งยังไม่รวมในประมาณการ

ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วตั้งแต่ไตรมาส 4/67

ขณะที่ความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่มีความไม่แน่นอนสูง การปรับตัวหลายเรื่องทั้งการลดต้นทุนภายในองค์กร การผลักดันสินค้า HVA และการขายกิจการที่ไม่ทำกำไรและนำเงินไปลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพสูงกว่า ช่วยให้ SCC มีผลประกอบการดีขึ้น เพิ่มความมั่นใจว่าจุดต่ำสุดของธุรกิจได้ผ่านไปแล้วตั้งแต่ไตรมาส 4/2567

ขณะที่ การดำเนินตามกลยุทธ์ที่เป็นรูปธรรมและผลบวกหลายด้านที่ตามมา จะทำให้ SCC ก้าวผ่านวิกฤติได้ แม้ราคาหุ้นปัจจุบันจะมีค่า PER สูงกว่าอดีตเพราะมีฐานกำไรต่ำ แต่ศักยภาพภายในที่เพิ่มขึ้น ทำให้ SCC พร้อมกลับมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง ให้น้ำหนักการลงทุน Outperform ประเมินราคาเหมาะสม 210 บาท

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2568 คาดกำไรจะอยู่ที่ 2,739 ล้านบาท ฟื้นตัวต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน รับผลบวกราคาปูนซีเมนต์ที่เพิ่มขึ้นและการฟื้นตัวของธุรกิจ Packaging ในอินโดนีเซีย ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมีน่าจะผลขาดทุนลดลง เพราะ Spread ผลิตภัณฑ์หลักปรับตัวสูงขึ้นจากไตรมาสก่อน

อย่างไรก็ตาม ไตรมาสนี้มีกำไรพิเศษจากการเปลี่ยนสถานะการลงทุน Chandra Asri หรือ CAP และNegative Goodwill ที่ CAP ได้จากการซื้อกิจการอื่นในราคาต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรม

SCC