Talk of The Town

วิเคราะห์ไทยในสมรภูมิภาษีทรัมป์ ยังพอมีลุ้นได้ต่ำกว่า 36% แต่ยากที่จะดีกว่าเวียดนาม


09 กรกฎาคม 2568

โบรกฯ เชื่อไทยยังมีหวังดีลเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ ได้อัตราภาษีต่ำกว่า 36% แต่อาจไม่ดีเท่าเวียดนาม พร้อมแนะชะลอลงในหุ้น 5 กลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรง หากไทยเจอภาษีสูงกว่าอาเซียน 

วิเคราะห์ไทย_S2T (เว็บ)_0.jpg

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้มุมมองว่า แม้ รมว. กระทรวงการคลังจะให้ความเห็นถึงภาษีการค้าที่สหรัฐฯประกาศวานนี้ 36% เริ่ม 1 ส.ค. จะยังไม่รวมข้อเสนอที่ทีมไทยแลนด์ยื่นใหม่เมื่อ 6 ก.ค. แต่โอกาสที่จะได้อัตราภาษีในระดับที่ดีกว่าเวียดนามเป็นไปได้ยากเพราะเงื่อนไขของไทยไม่ได้ลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯทุกรายการเหมือน เวียดนาม 

ดังนั้น ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยในกรณีศึกษาที่เคยประเมินไว้เดือน เม.ย. โน้มเอียงจากกรณีฐานที่ 1,275 จุด มาหากรณีแย่สุดที่ 1,150 จุด มากขึ้นเช่นกัน ผลกระทบที่ยังประเมินไม่ชัด คือ ภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯที่เหลือ 0% อาจกระทบศักยภาพการแข่งขันของบริษัทจดทะเบียน เช่น สินค้าเกษตร, ยานยนต์, เครื่องดื่ม, เครื่องสำอาง, ยาและเวชภัณฑ์ 

โดยอาจทำให้ต้องปรับลดคาดการณ์ GDP และ EPS ของแต่ละกรณีลง แต่เนื่องจากกลุ่มดังกล่าว มีมาร์เก็ตแคปรวมกันเพียง 7% ของทั้งตลาด จึงคาดว่าจะกดดัน EPS ไม่มากนัก

ทั้งนี้ กลยุทธ์การลงทุนระหว่างช่วงที่รอความชัดเจน ยังแนะนำให้ชะลอการลงทุนในกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบเชิงลบโดยตรง หากภาษีของไทยสูงกว่าค่าเฉลี่ยอาเซียน ประกอบไปด้วย นิคมอุตสาหกรรม, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, สินค้าเกษตร,เครื่องดื่ม, ยานยนต์ 

แล้วสลับมาเก็งกำไร Domestic Play ที่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2/68 จะออกมาดี เช่น CPALL, CPAXT,ADVANC, TRUE กลุ่มที่อาจจะได้ประโยชน์จากการขนส่งสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เช่น SINO, WICE หรือกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว เช่น BTS, BEM ที่ได้แรงหนุนจากรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย และกลุ่มหุ้นปันผลกลางปี เช่น KBANK, SCB, TISCO, ICHI, 3BBIF เป็นต้น