Gossip Station..by เจ๊จิ๋ม

Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม 17-06-25 (จำลองสถานการณ์ AOT ให้เห็นชัดๆ)


17 มิถุนายน 2568

Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม  17-06-25 (จำลองสถานการณ์ AOT ให้เห็นชัดๆ)

 

17-06-25 สวัสดี “ปีงูไฟ" ค่ะพี่น้องชาวไทยที่รัก "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยมีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ 

***มติบอร์ดของ AOT หรือ ทอท.ที่แจ้งมาเมื่อวานนี้ เจ๊บอกตามตรง..มีก้อเหมือนไม่มี!!! ทั้งนี้จะมีการตั้งคณะทำงานพิจารณากลั่นกรองทางเลือกในการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบของ ทอท.

-จากนั้น จ้างที่ปรึกษาจากสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ เพื่อศึกษาทางเลือกในการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากรในท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบของ ทอท.โดยเร็วเพื่อทำการศึกษาประเด็นด้านกฎหมาย เศรษฐศาสตร์ การเงิน การบริหารธุรกิจ และวิเคราะห์ข้อจำกัดของสัญญาเดิม รวมถึงเสนอแนวทางที่เหมาะสมและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย

-คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 60 วัน และให้เสนอคณะกรรมการ ทอท.พิจารณาต่อไป

-ในระหว่างการดำเนินการตามมติคณะกรรมการ ทอท.ดังกล่าว ข้างต้น ทอท.จะหารือร่วมกับ KPD เพื่อให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วที่สุด

***ด้วยเพราะ AOT คือบริษัทที่อยู่ในตลาดหุ้น ทำให้มีกูรูออกมาประเมินแล้วว่าเป็นลบกับ AOT จากการขอปรับสัญญา duty free ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์และกำไรปรับตัวลดลง ทั้งนี้ หากอิงข้อมูลในปีที่ผ่านมาAOT มีรายได้จากคิงเพาเวอร์รวมประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นจากสัญญา 3 สนามบินภูมิภาค (ภูเก็ต เชียงใหม่ และหาดใหญ่) รวม 1.5 พันล้านบาท,สนามบินดอนเมือง 700 ล้านบาท และที่เหลือจากสนามบินสุวรรณภูมิ (รวมสัญญา duty free + retail) อยู่ที่เดือน 1.5 หมื่นล้านบาท

***หากมีการยกเลิกสัญญา duty free เฉพาะสัญญา 3 สนามบินภูมิภาค จะยังกระทบไม่มาก เนื่องจากรายได้ MG ของ duty free 3 สนามบินภูมิภาคยังไม่มาก ซึ่งประเมินปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท คิดเป็น -2% ของรายได้รวม ซึ่งกรณี worst case หากรายได้ก้อนนี้หายไปจะกระทบกำไรลดลง -6%

***อย่างไรก็ตาม กรณี base case หากปรับลด MG ลงจากเดิม 40%-50% จะทำให้กำไรลดลงจากเดิม -2.3%-2.8% ซึ่งจะยังกระทบราคาเป้าหมายไม่มาก

***กูรูประเมินว่า AOT อาจพิจารณาปรับลด MG ลงจากเดิม 40%-50% ของทุกสัญญา นอกจากนี้คาดว่าอาจมีการพิจารณาปรับ MG ทุกสัญญาของคิงเพาเวอร์ร่วมด้วย เพื่อให้คิงเพาเวอร์ สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ทั้งนี้ หากอิงข้อมูลของผู้บริหาร AOT ที่ระบุว่าปัจจุบัน คิงเพาเวอร์ มีการจ่ายค่าผลตอบแทนในรูปแบบ MG ซึ่งจะคิดเป็นสัดส่วน 33%-34% ของรายได้จาก duty free ของคิงเพาเวอร์  ซึ่งหากปรับเป็นเหลือจาก 20% ของรายได้ จะทำให้รายได้ลดลงจากเดิม 40% ขณะที่หากไปพิจารณาเปรียบเทียบกับการจ่าย MG ของปี 2562 ที่ 8-9 พันล้านบาท จะต่ำกว่าสัญญาปัจจุบันราว 50% ทำให้ประเมินว่าหากมีการปรับ MG ใหม่ จะทำให้รายได้จากคิงเพาเวอร์ลดลงจากเดิมในระดับ 40%-50%

***นอกจากนี้ กูรูได้ทำ sensitivity analysis (Fig.3) ในปี 2569  หาก MG (รวมทุกสัญญา)ลดลงทุก 10% จะทำให้กำไรลดลง -6.4% โดยปัจจุบันประเมินปี 2569 จะกลับมาจ่าย MG ใกล้เคียงกับ 2567 ที่ประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งจากการทำ sensitivity analysis หากปรับลด MG ของทุกสัญญาลงจากเดิม 40%-50% จะกระทบกำไรปีหน้าลดลงราว26%-32% และจะทำให้ราคาเป้าหมายใหม่อยู่ที่ 32.00-35.00 บาท

***นอกจากนี้ ยังคงมีปัจจัย overhang จากความไม่แน่นอนของรายได้สัญญาสัมปทาน ของคิงเพาเวอร์ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างปรับลดราคาเป้าหมายจากปัจจุบัน  และประเมินว่าจะปรับลดลงเหลือ 32.00-35.00 บาท จากสมมติฐานว่าจะมีการปรับลด MG ลงจากเดิม 40%-50% ของทุกสัญญา โดยราคาหุ้นล่าสุดยังต่ำกว่าราคาเป้าหมายที่รวมผลกระทบจากการปรับลด MG ที่ประเมินไว้

***ส่วนอีกเรื่องที่เป็นประเด็นร้อนๆ ของประเทศไทยเราคือ “สถานการณ์ไทย-กัมพูชา” กูรูหุ้นได้ประเมินถึงหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว ได้แก่

กลุ่ม Food & Beverage:

- CBG (มีสัดส่วนรายได้จากกัมพูชาประมาณ 13% ของรายได้รวม โดยส่งออกผ่านด่านอรัญประเทศและสระแก้ว ปัจจุบันยังส่งออกได้ปกติ ทั้งนี้ หากกัมพูชายกเลิกการบริโภคสินค้า CBG ทุกๆ 1 เดือน คาดกระทบกำไรปีนี้ที่ 1.7% นอกจากนี้มองว่าจะได้รับผลกระทบจากแรงงานกัมพูชาในไทย ที่เป็นหนึ่งในลูกค้าสำคัญที่บริโภคเครื่องดื่มชูกำลัง

- OSP  สัดส่วนรายได้ประมาณ 1% ของรายได้รวม มองว่าผลกระทบน้อย อย่างไรก็ตามมองว่าจะได้รับผลกระทบจาก แรงงานกัมพูชาในไทย ที่เป็นหนึ่งในลูกค้าสำคัญที่บริโภคเครื่องดื่มชูกำลัง

กลุ่ม Commerce:

- GLOBAL มี 2 สาขาในพนมเปญและพระตะบอง (ถือ 55%) สัดส่วนรายได้น้อยกว่า 2%, CPAXT มี 3 สาขาในพนมเปญและเสียมเรียบ สัดส่วนรายได้น้อยกว่า 1%, CPALL มีสาขาของ 7-eleven รวมจำนวนสาขา 112 สาขาในกัมพูชาคิดเป็นสัดส่วนรายได้น้อยกว่า 1%

กลุ่ม Contractor (Overweight):

เนื่องจากแรงงานกัมพูชาคิดเป็นสัดส่วนราว 15% ของแรงงานต่างด้าวรวมอย่างไรก็ตามหากคิดเป็นสัดส่วนต่อแรงงานทั้งหมดอยู่เพียงราว +/-5%

***ส่วนเรื่องที่ทุกคนรอคอยและอยากรู้ผลว่าเรื่องนี้จะมีบทสรุปอย่างไร...ต้องรอต่อไปค่ะ!!! เพราะมีรายงานว่าศาลฎีกาฯ นัดสอบพยานเพิ่ม 20 ปากใน “คดีชั้น 14” ของทักษิณ เริ่ม 4,8,15 ก.ค. ตามลำดับ พร้อมขยายเวลายื่นคำชี้แจงให้กับอธิบดีกรมราชทัณฑ์ถึง 20 มิ.ย. และ ทักษิณถึง 23 มิ.ย. หลังไต่สวนผู้บัญชาการเรือนจำฯ แล้ว ยังต้องรวบรวมข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจากพยานอื่น

***ส่วนเรื่องนี้ “มาตามนัดแน่นอน” ไม่ควรพลาดเด็ดขาด!!!

-วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายนี้ สำนักข่าว Share2Trade เข้าร่วมงาน mai FORUM 2025 : มหกรรมรวมพลังคน mai ครั้งที่ 9  “Armed for Opportunity ติดอาวุธ คว้าโอกาสในตลาด mai” 09.00-17.00 น. ณ ห้องบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ

-พี่ๆเพื่อนๆนักลงทุนพบกับ Share2Trade ได้ที่บูธหมายเลข 9-10 โดยภายในบูธจะพบกับการสัมภาษณ์สุดพิเศษของเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน การลงทุนที่จะมาร่วมให้ข้อมูลสุดเอ็กซ์คลูซีฟ

 

1.เวลา 11.30 น. คุณทิวา ชินธาดาพงศ์ นายกสมาคมนักลงทุนประเทศไทย จะมาพูดคุยในหัวข้อ “เคล็ดลับการลงทุน ที่ทำให้เป็นนักลงทุนชื่อดัง”

 2.เวลา 13.00 น.ผศ.ดร.ธนาวัฒน์ สิริวัฒน์ธนกุล กรรมการสมาคมนักวางแผนการเงินไทย (TFPA) จะมาพูดคุยในหัวข้อ “วางแผนการเงิน ท่ามกลางเศรษฐกิจชะลอตัว

 3.เวลา 14.30 น. คุณ ธีร์ธนัตถ์ จิราศิริวัชร นักวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ที่จะร่วมพูดคุณในหัวข้อ “กลยุทธ์ลงทุน หาหุ้น Super Stock ในตลาด mai

 

ต้องมาพบกันให้ได้นะ!!! ทุกช่วงสัมภาษณ์​น่าสนใจสุดๆ โดยเฉพาะช่วงของ “เซียนมี่-คุณทิวา ชินธาดาพงศ์” นักลงทุนรายใหญ่ ทีประสบความสำเร็จอย่างมากจากการลงทุน และตอนนี้ยังดำรงตำแหน่งเป็น นายกสมาคมนักลงทุนประเทศไทย จะมาพูดคุยในหัวข้อ “เคล็ดลับการลงทุน  และมุมมองเกี่ยวกับตลาดทุน

 

AOT