จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : SFLEX แข็งแกร่ง กำไรพุ่งต่อเนื่อง 10 ไตรมาส ผลจากราคาน้ำมันทรุด กดต้นทุนลดลง


06 มิถุนายน 2568
บมจ.สตาร์เฟล็กซ์ (SFLEX) ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภค ผลงานยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นผลจากกลยุทธ์เน้นกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพสูง ทำให้กำไรของบริษัทเติบโตต่อเนื่อง 10 ไตรมาส  รวมทั้งนโยบายการซื้อหุ้นคืนของบริษัท ทำให้ราคาหุ้นไม่ปรับลดลงมาก

SFLEX แข็งแกร่ง_รายงานพิเศษ (เว็บ)_0.jpg
 
แม้การเติบโตของเศรษฐกิจไทยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ยังมีทิศทางฟื้นตัวได้อย่างช้าๆ แต่ก็ไม่มีผลกระทบต่อยอดขายของ บมจ.สตาร์เฟล็กซ์ (SFLEX) สะท้อนได้จากมุมมองของ นายสมโภชน์ วัลยะเสวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รายงานผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/68  บริษัทมีรายได้จากการขาย 491.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.8 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 485.0 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 24.5% และมีกำไรสุทธิ 65.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 63.6 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 13.1%  ขณะที่ไตรมาสเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 12.92% หากพิจารณาในส่วนของผลงานรายไตรมาสถือเป็นการสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วยการเติบโตของกำไรต่อเนื่อง 10 ไตรมาสติดต่อกัน และยอดขายทำ All Time High ตั้งแต่ตั้งบริษัทมา
 
"การเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสนี้ สะท้อนถึงความสำเร็จของแผนการขยายฐานลูกค้าเชิงรุกที่มุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพสูง และเพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ มีทั้งการเปลี่ยนรูปแบบ โครงสร้าง และลวดลายสีสรรต่างๆ ให้กับฐานลูกค้าเดิม ประกอบกับการบริหารจัดการต้นทุนอย่างละเอียดรอบคอบ ทั้งในด้านการใช้พลังงานทดแทนไฟฟ้า การจัดซื้อวัตถุดิบ การลงทุนในการผลิตฟิล์มด้วยเครื่อง Blow film เพื่อทดแทนการนำเข้า การปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อให้มีมีประสิทธิภาพสูงขึ้นในกระบวนการผลิต รวมถึงลดจำนวนของเสียจากการผลิต และใช้ประโยชน์จาก Economy of Scale ได้อย่างเต็มที่"
        
สำหรับแนวโน้มในไตรมาส 2/68 บริษัทคาดว่าจะสามารถรักษาการเติบโตได้ตามที่ประมาณการณ์ไว้ แม้จะเป็นช่วงที่มีวันหยุดมากกว่าปกติ แต่คำสั่งซื้อยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ถือเป็นสินค้าจำเป็นและมีความต้องการเป็นจำนวนมาก
 
ทั้งนี้ SFLEX มีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มลูกค้าดังกล่าวมากกว่า 80% ของรายได้รวม โดยลูกค้าหลักล้วนเป็นผู้ผลิตชั้นนำทั้งในประเทศและระดับสากล อีกทั้งยังมีการทำสัญญาระยะยาวกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อสร้างเสถียรภาพด้านคำสั่งซื้อ พร้อมเตรียมแผนขยายกำลังการผลิต รองรับการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว
         
บริษัทมุ่งมั่นพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยอยู่ระหว่างศึกษาข้อมูลธุรกิจต้นน้ำ หลายประเภทเพื่อสามารถควบคุมกระบวนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งให้ความสำคัญทั้งด้านการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี รวมถึง Strategic Partner ซึ่งอาจนำไปสู่การร่วมทุน (Joint Venture) เพื่อเสริมศักยภาพทางธุรกิจ รองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ตอบโจทย์ด้านความยั่งยืน (Sustainability) และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ สร้างโอกาสในการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต
 
ขณะที่ บล.ดาโอ ออกบทวิเคราะห์ โดยระบุว่า ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2025E ที่ 306 ล้านบาท +9% YoY ยังเติบโตดีจากฐานสูงปีก่อน ทั้งนี้ กำไร1Q25 คิดเป็น 21% จากทั้งปี และเรายังประเมินกำไรปี 2025E จะยังโต YoY ได้ทุกไตรมาส โดย 2Q25E เราประเมินจะกลับมาเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ จากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงตามทิศทางราคาน้ำมัน และ 2H25E จะดีขึ้นได้จาก high season ของธุรกิจ SPV ที่เวียดนาม และ Star Union จะเริ่ม COD ใน 3Q25E ทำให้เริ่มมีรายได้เข้ามาจากเดิมที่มีแต่ค่าใช้จ่าย
 
ขณะที่เรายังประเมินรายได้ ปี 2025E ที่ 2.0 พันล้านบาท +8% YoY ซึ่งจะดีขึ้นทั้งจากลูกค้ารายหลักเดิมที่มีคำสั่งซื้อต่อเนื่องและการขยายเครื่องจักรทำฝาเทริน เปิด-ปิด ได้ (spout) ซึ่งมีรายได้และ GPM สูงกว่าซองแบบเดิม, GPM  ปี 2025E จะดีขึ้นเป็น 25.1% จากปี 2024 ที่ 24.7% จากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง รวมถึง ประเมินส่วนแบ่งกำ ไร SPV จะเพิ่มเป็น 30 ล้านบาท +26% YoY
นอกจากนี้ บริษัทยังแจ้งเพิ่มวงเงินซื้อหุ้นคืนเป็นวงเงิน 70 ล้านบาท ไม่เกิน 28 ล้านหุ้น คิดเป็น 3.4% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด (จากเดิมวงเงิน 50 ล้านบาท ไม่เกิน 20 ล้านหุ้น) โดยยังกำหนดระยะเวลาซื้อหุ้นคืน 1 เม.ย.-30 ก.ย.25 และราคาซื้อหุ้นคืนเฉลี่ยอยู่ที่ 2.50 บาท ซึ่งจะช่วยจำกัดการปรับตัวลงของราคาหุ้น ทั้งนี้ รายงานการซื้อหุ้นคืนล่าสุดซื้อหุ้นคืนไปแล้ว 13.0 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 39 ล้านบาท
 
ดังนั้นจึงยังคงราคาเป้าหมายที่ 3.80 บาท อิง 2025E PER ที่ 10 เท่า (-1.0SD below 5-yr avg. PER โดยไม่รวมปี 2022 ที่กำไรต่ำกว่าปกติ) ทั้งนี้ ยังมี catalyst จากกำไรปี 2025E ที่จะยังโตได้ทุกไตรมาสและต้นทุนวัตถุดิบฟิลม์มีแนวโน้มทรงตัวต่ำตามสินค้าเคมีภัณฑ์