รายงานพิเศษ : PANEL ผลประกอบการแกร่ง เมื่อธุรกิจโรงพยาบาล-โรงแรมโต รับภาครัฐเพิ่มศักยภาพเศรษฐกิจ
แม้เศรษฐกิจโลกจะอยู่ในภาวะผันผวน แต่ต้องยอมรับว่าธุรกิจการแพทย์และการท่องเที่ยว ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจการแพทย์ ยังคงเป็นธุรกิจที่มาแรงเป็นอันดับ 1 หรือเป็นธุรกิจดาวรุ่งของไทยในปีนี้ ซึ่งเป็นผลจากนโยบายฟรีวีซ่าของภาครัฐ และการขยายตัวของตลาด Medical Tourism ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการด้านสุขภาพในไทย และการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
ขณะเดียวกันกระทรวงสาธารณสุขก็ประกาศยกระดับให้ปี 2568 เป็นปีของการเพิ่มศักยภาพเศรษฐกิจและสุขภาพ สู่ Medical & Wellness Hub เพื่อให้เป็นกระทรวงด้านสังคมควบคู่เศรษฐกิจ โดยส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพแข็งแรงและมีคุณภาพชีวิตที่ดี
รวมถึงเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจสุขภาพของประเทศ เพิ่มโอกาสสร้างงานสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนและประเทศ ผ่านการพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่มทางด้านการแพทย์ ทั้งแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทย ภูมิปัญญาไทย สมุนไพรไทย ผลิตภัณฑ์สุขภาพ นวดสปา การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ไปจนถึงเทคโนโลยีนวัตกรรมสุขภาพและชีวการแพทย์
ซึ่งนอกจากธุรกิจการแพทย์แล้ว ธุรกิจด้านการท่องเที่ยวก็นับเป็นธุรกิจที่ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากการเปิดเผยของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ระบุว่า สถานการณ์การท่องเที่ยว ประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-11 พ.ค. 68 มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสะสมทั้งสิ้น 12,948,032 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 613,168 ล้านบาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรกได้แก่ จีน 1,766,870 คน มาเลเซีย 1,662,922 คน รัสเซีย 916,360 คน อินเดีย 829,371 คน และเกาหลีใต้ 619,340 คน
ทั้งธุรกิจการแพทย์และการท่องเที่ยวที่เติบโตได้ดี เป็นปัจจัยสนับสนุนผลการดำเนินงานของ บมจ.เพเนเล่ส์มาติก โซลูชั่นส์ (PANEL) ผู้ผลิต นำเข้า และจัดจำหน่าย ผนังบานเลื่อนกันเสียง วัสดุกันเสียงสำหรับงานสถาปัตยกรรม รวมทั้งระบบประตูอัตโนมัติ และวัสดุสำหรับโรงพยาบาลและสาธารณสุข และให้บริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องแบบครบวงจร
ซึ่ง นางจูเลีย เพ็ชญไพศิษฎ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุ แผนงานไตรมาส 2/68 ตลอดจนถึงสิ้นปีนี้ บริษัทจะเร่งก่อสร้างอาคารโรงงานแห่งใหม่รองรับคำสั่งซื้อที่มีเข้ามาจำนวนมากจากกลุ่มลูกค้าธุรกิจโรงพยาบาลและโรงแรม คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการได้ในช่วงกลางปีนี้ สนับสนุนให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นมากกว่า 100% จากปัจจุบันอยู่ที่ 220 บานต่อเดือน ขณะเดียวกัน ยังเดินหน้าขยายธุรกิจด้วยการเพิ่มส่วนแบ่งรายได้จากงานรับเหมาระบบห้องผ่าตัดและรับเหมาตกแต่งภายใน รวมถึงมองหาโอกาสและพันธมิตรใหม่ๆ เพื่อต่อยอดธุรกิจและกระจายความเสี่ยง
"ในปี 68 มั่นใจว่ารายได้รวมจะเติบโตมากกว่า 40% โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเปิดโรงงานใหม่ที่มีกำหนดแล้วเสร็จช่วงกลางปีนี้ รวมถึงการเปิดสาขาในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีกำลังซื้อสูง และบริษัทฯ ยังคงมองหาโอกาสทางธุรกิจและพันธมิตรใหม่ๆ เพื่อผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวในที่สุด
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 1/68 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 40.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.41% จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีรายได้ 26.80 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 4.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 196.25% จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1.60 ล้านบาท
ปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้น มาจากการรับรู้รายได้จากการขายและให้บริการสำหรับผลิตภัณฑ์ประตูและผนัง รวมถึงธุรกิจการรับเหมาตกแต่งภายในที่สร้างรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาจากปีก่อน และมีแนวโน้มเติบโตอย่างโดดเด่นตลอดปี 2568