เทียบฟอร์ม 2 หุ้นนิคมฯ Q1/68 สุดปัง! คาดกำไรพุ่งแรง

เกาะติดสถานการณ์การประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2568 นักวิเคราะห์ชี้! กำไรไตรมาส 1/2568 AMATA จะอยู่ที่  598 ล้านบาท เติบโต 55% หลังยอดโอนที่ดินเพิ่มขึ้น 85% ส่วนส่วน WHA  คาดกำไรทะยาน 2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 58%

โดย AMATA นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คาดว่ากำไรหลักไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 598 ล้านบาท เติบโต 55%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากยอดโอนที่ดินเพิ่มขึ้นเป็น 279 ไร่ เพิ่มขึ้น 85% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าดีขึ้น 46% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ไตรมาส 1/2568 คาดว่ากำไรหลักจะลดลง 35% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากยอดโอนที่ดินลดลง

อย่างไรก็ตามบริษัทมียอด backlog คงเหลือสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2.15 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 1/2568 ซึ่งจะรับรู้รายได้ปีนี้และปีหน้า

สำหรับยอดขายที่ดินไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 283 ไร่ โดย 95% จากประเทศไทย (อมตะซิตี้ ชลบุรี 2 จำนวน 117 ไร่, อมตะซิตี้ ระยอง 121 ไร่ และบริษัทร่วมทุนไทย-จีน 32 ไร่) และที่เหลืออีก 5% จากเวียดนาม ซึ่งยอดขายคิดเป็น 11% ของประมาณการปี 2568 ของฝ่ายวิจัย และ 8% ของเป้าหมายของบริษัท

ดังนั้นคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 33.50 บาท คาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่น่าสนใจที่ 6.5% และ บริษัทจะประกาศผลประกอบการในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้

WHA ไตรมาส 1 กำไรทะยาน 2 พันลบ.

ส่วน WHA นักวิเคราะห์ค่ายเดียวกันระบุว่า ไตรมาส 1/2568 คาดกำไรหลัก 2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 58% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 67% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากการโอนกรรมสิทธิ์ที่แข็งแกร่ง คาดยอดขายที่ดิน 858 ไร่ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากประเทศไทย (WHA 669 ไร่ และ JV IER 189 ไร่) รวมการขายที่ดินแปลงใหญ่ 450 ไร่สำหรับศูนย์ข้อมูล นอกจากนี้ ยังคาดยอดโอนกรรมสิทธิ์ 858 ไร่ (WHA 686 ไร่ และ JV IER 172 ไร่)

โดยคาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นเป็น 3.5 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 64% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 60% เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคาด JV IER จะมีกำไรสุทธิ 172 ล้านบาทซึ่งบันทึกในส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทย่อยในไตรมาส 1/2568 (เทียบกับศูนย์ในไตรมาส 1/2567 และ 99 ล้านบาทในไตรมาส 4/2567) และค่าธรรมเนียมการจัดการ 70 ล้านบาท (บันทึกในรายได้อื่น) คาด backlog คงที่ที่ 1,535 ไร่ ณ ไตรมาส 1/2568

จากการสำรวจลูกค้า 200 รายของ WHA (รวมลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้าในอนาคต) พบว่า 55% รายงานว่าได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยจากภาษีตอบแทน (ส่งออก <35%), 15% มีผลกระทบปานกลาง (ส่งออก 40-75%) และ 30% มีผลกระทบสูง (ส่งออก 75-100%)

การสำรวจกลยุทธ์ของนักลงทุนระบุว่า 45% จะรอดูสถานการณ์, 40% จะดำเนินกิจการตามปกติต่อไป, 10% จะลดการลงทุนหรือหาตลาดใหม่ และ 5% จะเปลี่ยนแผนการลงทุน

ในมุมมองของฝ่ายวิจัย การย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศไทยนั้นไม่น่าจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม การลงทุนของ FDI ใหม่ (ยกเว้นศูนย์ข้อมูล) จะใช้กลยุทธ์รอดูสถานการณ์

โดยคาดว่า WHA อาจจะสามารถบรรลุเป้าหมายยอดขายที่ดิน 2,350 ไร่ได้ (858 ไร่ขายได้ในไตรมาส 1/2568 และอีก 1,200 ไร่ภายใต้ MOU/LOI เมื่อสิ้นไตรมาส 1/2568) แต่อาจจะต่ำกว่าประมาณการ 2,700 ไร่ของฝ่ายวิจัย

ส่วนยอดขายที่ดินในเวียดนามยังมีความกังวล ผลกระทบต่อยอดขายและยอดโอนที่ดินอาจรุนแรงขึ้นในปีหน้าหากการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ไม่ประสบผลสำเร็จ

ดังนั้นคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 6.4 บาท โดย หุ้นมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่น่าสนใจ 7.2% และบริษัทจะประกาศผลประกอบการในวันที่ 9 พฤษภาคมนี้