จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : SNNP บุก “ตลาดตปท.- ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร” ดันรายได้ปี 67 โตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 15%


11 มีนาคม 2567
กลยุทธ์การขยายตลาดไปยังต่างประเทศ เป็นการกระจายความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวได้เป็นอย่างดี  ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการเติบโตของธุรกิจ บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง  (SNNP) ที่ตั้งเป้าขยายตลาดทั้งในปะเทศและต่างประเทศปีละไม่ต่ำกว่า15% และยังเพิ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หนุนรายได้ 5 ปีข้างหน้า แตะ  1.2 หมื่นล้าน

รายงานพิเศษ SNNP copy.jpg

ตลาดขนมขบเคี้ยวยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้อย่างช้า  โดย “วิโรจน์ วชิรเดชกุล” รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ SNNP ระบุ ปัจจุบันภาพรวมตลาดขนบขบเคี้ยวในไทยมีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 3-5% มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 43,000 ล้านบาท  

ซึ่ง SNNP  ตั้งเป้าภายในปี 5 ปี (ปี 67-71)  รายได้จะเพิ่มขึ้นแตะที่  12,000 ล้านบาท หรือเติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 15%  โดยปีนี้วางเป้ารายได้โต double digit จากการเติบโตของยอดขายทั้งในไทยและต่างประเทศ รวมถึงการเดินหน้าออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง
          
โดยบริษัทจะมองโอกาสทำตลาดใหม่ๆในต่างประเทศ  นอกเหนือจากเวียดนาม ที่เป็นตลาดหลักในปัจจุบัน อย่างเช่น จีน เกาหลี และ ฟิลิปปินส์ รวมทั้งประเทศอื่น ซึ่งในปี 67 นี้จะออกไปทำโรดโชว์ที่ญี่ปุ่นและเดินสายโรดโชว์ในอังกฤษ  ซึ่งอยู่ระหว่างการพูดคุยกับผู้บริหารกองทุนในอังกฤษ 
          
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนระยะกลางถึงระยะยาวจะขยายธุรกิจไปยังอินเดีย และกระจายไปที่อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ แอฟริกา และยุโรป เพื่อผลักดันสัดส่วนรายได้ต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 40% ในปี 71 จากเดิมอยู่ที่ 27% ในปี 66
          
ขณะเดียวกัน บริษัทยังเดินหน้าออกสินค้าใหม่ ๆอย่างต่อเนื่อง  ล่าสุด SNNP เปิดตัวกลุ่มสินค้าใหม่ เป็น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Supplementary) ภายใต้แบรนด์ "เจเล่ฟิตต์" (Jele Fitt) ประเดิมออกบเยลลี่รสผลไม้ที่พัฒนามาให้เหมาะกับคนละช่วงวัย แบ่งเป็น วัย 20-29 ปี วัย 30-39 ปี และ วัย 40-49 ปี ราคาซองละ 15 บาท (1 ซอง บรรจุ 27 กรัม) มาจากการวิจัย Jele Fitt เชื่อว่าจะชนะใจผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายในด้านแนวความคิดผลิตภัณฑ์ที่แตกต่าง ทั้งรสชาติ และบรรจุภัณฑ์สะดวกพกพาง่าย รูปแบบดีไซน์โดดเด่น 
          
การสื่อสารการตลาดได้จัดทำหนังโฆษณาออนไลน์ แจกสินค้าตัวอย่าง และสื่อสารผ่าน KOL สาย HCP (บุคลาการทางการแพทย์) และสายไลฟ์สไตล์ มาแบ่งปันประสบการณ์การทาน และถือเป็นครั้งแรกที่จะเปิดห้องให้ความรู้กับรายการ Fitt Talk by Jele Fitt ซึ่งเป็น social club เปิดให้มีการพูดคุยในทุกปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพที่ตั้งใจออกแบบมาเพื่อให้เหมาะกับแต่ละช่วงวัย
          
KOL สาย HCP Health care Professional จะมีช่อง Fitt Talk by Jele Fitt ได้แก่ Fitt Talk 20, Fitt Talk 30 และ Fitt Talk 40 เพื่อตอกย้ำความเชื่อมั่น การสร้างความน่าเชื่อถือและยืนยันว่าร่างกายของคนเราแตกต่างกัน จึงต้องการผลิตภัณฑ์อาหารเสริมตามช่วงวัยที่ไม่เหมือนกัน และ  KOL สาย Lifestyle จะมีช่อง Fitt Talk by Jele Fitt ได้แก่ Fitt Talk 20, Fitt Talk 30 และ Fitt Talk 40 มาคอนเฟิร์มคุณประโยชน์และความอร่อย
          
นายวิโรจน์ กล่าวว่า ด้วยแผนการตลาดทั้งหมด สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายกว่า 80% โดยในปีแรกตั้งเป้ายอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอยู่ที่ 200 ล้านบาท และจะออกผลิตภัณฑ์ในหมวดหมู่นี้เพิ่มอีก 2 ตัว พร้อมตั้งเป้ายอดขายเพิ่มเป็น 1 พันล้านบาทภายใน 5 ปี ทำให้สัดส่วนรายได้กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอยู่ที่ 3% จากยอดขายรวม
          
สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจในปีนี้มองว่าจะยังคงอยู่ในช่วงชะลอตัว ซึ่งเป็นความท้าทายของผู้ประกอบการที่จะต้องหากลยุทธ์มาขับเคลื่อนให้ธุรกิจมีการเติบโต ซึ่งจากกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปีนี้ของบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถทำรายได้เติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก โดยปัจจุบันภาพรวมตลาดขนบขบเคี้ยวในไทยมีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 3-5% มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 43,000 ล้านบาท

ขณะที่ บล.ดาโอวิเคราะห์หุ้น โดยระบุว่า เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” และคงราคาเป้าหมายที่ 27.00 บาท อิง 2024E PER 32.0x ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยตั้งแต่เข้าเทรดในตลาด SNNP รายงานกำไรสุทธิ 4Q23 ที่ 165 ล้านบาท (+8%YoY, +3%QoQ) ใกล้เคียงตลาดและเราคาด 
โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก

1) รายได้รวม +1%YoY, +10%QoQ โดยรายได้ต่างประเทศ +1% YoY, +30% QoQ และในประเทศ ทรงตัว YoY, +3%QoQ,
2) GPM ที่ 29.2% สูงสุดเป็นประวัติการณ์จาก utilization rate โรงงานที่ดีขึ้นโดยเฉพาะโรงงานที่เวียดนามซึ่ง มี margin สูงกว่าไทย และ product mix ที่ดี

เราคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2024E ที่ 825 ล้านบาท (+29% YoY) จาก รายได้ทั้งในและต่างประเทศเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะเวียดนามซึ่งรับรู้รายได้โรงงานทั้ง 3เฟสเต็มปี อีกทั้ง GPM ขยายตัวต่อเนื่องจาก GPM เวียดนามขยายตัว  ราคาหุ้น outperform SET +2% ใน 1 เดือนที่ผ่านมาจากกำไร 4Q23 ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ valuation น่าสนใจ โดยเทรดที่ 2024E PER 21.0x เทียบกับ EPS CAGR 22-24E ที่ 26%