Gossip Station..by เจ๊จิ๋ม

เจ๊จิ๋ม..สายเถื่อน 24-01-24


24 มกราคม 2567
 เจ๊จิ๋ม..สายเถื่อน 24-01-24

24-01-24 สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยเวลา 7.30 น.มีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ     

***วันนี้(24 ม.ค.67) ศาลรัฐธรรมนูญมีนัดอ่านคำวินิจฉัยคดีคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์"  กรณีถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้ถือหุ้นใน บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งถูกกล่าวว่าประกอบกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชน อันเป็นเหตุให้มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ และทำให้ต้องพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3)

***มีการประเมินว่าหากเทียบกับแนวคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในอดีตจะพบว่าคดีหุ้นไอทีวีของ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" สามารถออกได้อย่างน้อย 4 แนวทาง คือ
1.มีคำวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง สส. 


2.มีคำวินิจฉัยให้ยกคำร้อง พิธา กลับมาปฏิบัติหน้าที่ สส. ต่อ 


3.มีคำวินิจฉัยให้ยกคำร้อง พิธา กลับมาปฏิบัติหน้าที่ สส. ต่อ
4. มีคำวินิจฉัยให้ยกคำร้อง พิธา กลับมาปฏิบัติหน้าที่ สส. ต่อ
สรุปคือ..รอผลวินิจฉัยเนอะ!!

*** 10 ก.พ.67 เป็นเทศกาลตรุษจีนปีนี้ (วันขึ้นปีใหม่ของจีน) ในทางจิตวิทยาบวกในส่วนความคึกคักการจับจ่ายเนื้อสัตว์, อาหารและผลไม้โดยเป็นเทศกาลหยุดยาวของผู้ที่มีเชื้อสายจีน (จีน, ไต้หวัน, ฮ่องกง) ออกไปท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ คาดจะเป็นปัจจัยหนุนการใช้บริการทั้งทางด่วน, ปั๊มน้ำมัน, ห้างสรรพสินค้า, สายการบิน, โรงแรมรวมถึงการซื้อสินค้า อาทิ เสื้อผ้า ฯในปีนี้การกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประเมินปีนี้ระหว่าง 8 – 16 ก.พ.นี้ จะมีเม็ดเงินสะพัดราว 3.4 หมื่นล้านบาท +29%y-y (0.3%ของ Real GDP ไทย 2565) และคาดต่างชาติเดินทางเที่ยวไทยราว 1 ล้านคน (นำโดย จีน, ฮ่องกง, ไต้หวัน) และในปีนี้ยังเป็นปีที่มีความพิเศษ คือ ปีมังกร ซึ่งนำมาสู่ความต้องการมีบุตรที่เพิ่มสูงขึ้นมากเป็นพิเศษ

***นักวิเคราะห์จาก KCS ประเมินว่ากระแสการเก็งกำไรหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเทศกาลตรุษจีนปีนี้มีความน่าสนใจ  โดยได้ทำการศึกษาสถิติผลตอบแทนหุ้นไทยในช่วงตรุษจีนย้อนหลัง 5 ปี (ปี2019-2023) พบว่า ก่อนเทศกาลตรุษจีน 1 และ 2 สัปดาห์ SET Index +0.85% และ +0.89% 
ตามลำดับ โดย Sector ที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลปรับขึ้นในทางเดียวกันและกลุ่มมากที่สุดคือ โรงแรม +3.3% และ +4.15% ตามด้วย กลุ่มเกษตร
+1.95% และ +0.21% และ กลุ่มอาหาร +0.98%, และ +1.04%

***สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำเก็งหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเทศกาลตรุษจีน เน้นกลุ่มธุรกิจค้าเนื้อสัตว์ อาทิ CPF -GFPT กลุ่มท่องเที่ยวและสนามบิน อาทิ MINT-AOT นอกจากนี้หุ้นกลุ่มบริการทางการแพทย์กลุ่มที่มีบุตรยาก อาทิ GFC-SAFE  

***ต่อเนื่องมาถึงเรื่องท่องเที่ยว มีรายงานว่ายอดผู้ใช้บริการสนามบินไป ตปท. 1- 20 ม.ค. พุ่งสู่ 80.9% ของ Pre COVID  และนักวิเคราะห์ประเมินว่าระหว่างวันที่ 14-20 ม.ค. ผู้ใช้บริการเร่งขึ้นมากถึง 82.3% (VS สัปดาห์ที่ 1 และ 2 อยู่ที่ 79.7% และ 80.2%) และคาดว่านักท่องเที่ยวในเดือน ม.ค. ปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 3.0 +/- ล้านคน และในระยะถัดไปมีปัจจัยหนุนจำนวนมาก อาทิ ความร่วมมือรัฐฯกับซาอุในส่วนการแพทย์ การต่ออายุมาตรการฟรีวีซ่า หนุนนักท่องเที่ยวทั้งปีนี้  

***สำหรับหุ้นเด่นรับธีมท่องเที่ยวที่น่ามองคือ   AOT-MINT-AAV-SPA-TKN-MASTER-GFC-SAFE  ส่วนที่โฟกัสเป็นพิเศษคือ โดยเน้นลงทุน AOT, MINT, SPA, GFC
 
***มีอีกเรื่องที่เจ๊ไม่อยากให้พวกเราพลาดกัน..เมื่อวาน TGE ออกมาเปิดแผนงานในอนาคตน่าสนใจมั่ก-มากกกกก นำทีมโดยบิ๊กบอส "พงศ์นรินทร์ วนสุวรรณกุล"  วางเป้าหมายอนาคตให้ TGE ก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าประเภทชีวมวล-ขยะชุมชนของไทย โดยตั้งเป้าภายในปี 75 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 200 เมกะวัตต์ 

***ส่วนแผนงานปี 67 ของ TGE  เตรียมเข้าประมูลโครงการโรงไฟฟ้าจากขยะชุมชนเพิ่มเติม และมีแผนที่จะเจรจากับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเข้าลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องโดยเน้นด้านพลังงานสะอาด และสามารถช่วยต่อยอดธุรกิจ สนับสนุนอนาคตให้มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด  จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตติดตั้งรวมอยู่ที่  76.6 เมกะวัตต์ ขณะเดียวกันได้เริ่มบริหารจัดการโรงไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพขนาด 7 เมกะวัตต์ สัญญา 4 ปี 9 เดือน ประเมินมูลค่าผลตอบแทนอยู่ที่ 349.90  ล้านบาท  

***กำลังการผลิตติดตั้งรวมที่  76.6 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น ธุรกิจพลังงานไฟฟ้าพลังงานชีวมวล มีกำลังการผลิตติดตั้ง  29.7 เมกะวัตต์ จำนวน 3 โครงการ ซึ่งทั้งหมดตั้งอยู่ใน อำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี และธุรกิจพลังงานไฟฟ้าจากขยะชุมชน กำลังการผลิตติดตั้งรวม 39.9 เมกะวัตต์ จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้าขยะชุมชนในพื้นที่ จังหวัดสระแก้ว, จังหวัดชุมพร, จังหวัดราชบุรี, จังหวัดชัยนาท และ จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง จะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ในปลายปี 2568 รวมทั้งมีธุรกิจรับบริหารจัดการโรงไฟฟ้าชีวภาพ 2  แห่ง ขนาดกำลังผลิตรวม 7 เมกะวัตต์    

***ปิดท้ายวันนี้กับดีลดีๆ ของ CMAN ประเดิมปีมังกรด้วยการจับมือ Khimsar Mine Corporation (KMC) เจ้าของเหมืองหินปูนรายใหญ่ในเมืองคิมซ่า รัฐราชสถาน ซึ่งเป็นเขตเมืองที่มีแหล่งแร่หินปูนเคมีที่สำคัญที่สุดในอินเดีย เพื่อสร้างโรงงานผลิตปูนไลม์ งานนี้บิ๊กบอส "อดิศักดิ์ เหล่าจันทร์" มีแผนเปิดเฟสแรกภายในปีหน้า ด้วยกำลังการผลิต 1 แสนตันต่อปี และทยอยเพิ่มเป็น 5 แสนตันต่อปีตามเป้าหมายในแผนการขั้นต้นอย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองความต้องการปูนไลม์ที่เพิ่มขึ้นตามขนาดเศรษฐกิจของประเทศอินเดียที่คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง เชื่อมั่นหนุนผลงาน CMAN ขึ้นแท่น Top 5 ของโลกเร็วๆ นี้