Talk of The Town
“ธนาคารไทยเครดิต” แต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายหุ้น IPO เปิดจองซื้อรายย่อย 23 - 26 ม.ค.
23 มกราคม 2567
นายวิญญู ไชยวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) (“ธนาคารฯ” หรือ “ธนาคารไทยเครดิต”) พร้อมด้วย ผู้บริหารระดับสูง ร่วมกับนายกนต์ธีร์ ประเสริฐวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ถ่ายภาพในพิธีลงนามในสัญญาแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จํากัด บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย (Lead Underwriters)

พร้อมแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 6 ราย ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จํากัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ พาย จํากัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จํากัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ จำกัด และตัวแทนจำหน่ายหุ้น 1 ราย คือ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน)
การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกและเสนอขายโดยธนาคารฯ และหุ้นสามัญที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิมในครั้งนี้ จำนวนไม่เกิน 347,029,122 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 5.00 บาท/หุ้น นับเป็นธนาคารพาณิชย์ที่เสนอขายหุ้น IPO ในรอบ 10 ปี สำหรับการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ ยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันชั้นนำทั้งในและต่างประเทศที่เข้ามาร่วมจองซื้อในส่วน Cornerstone Investors สัดส่วนประมาณ 40% ของจำนวนหุ้น IPO ทั้งหมด
สำหรับช่วงราคาที่นำมาใช้ทำการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Bookbuilding) อยู่ที่ระหว่าง 28.00 – 29.00 บาทต่อหุ้น ด้วยมูลค่าการเสนอขาย 9,716,815,416 – 10,063,844,538 บาท ทั้งนี้ ธนาคารฯ ผู้ถือหุ้นเดิม ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และผู้ซื้อหุ้นเบื้องต้นในต่างประเทศ (Initial Purchasers) จะพิจารณาร่วมกันในการกำหนดราคาเสนอขายสุดท้าย (Final Price) โดยพิจารณาจากราคาและจำนวนหุ้นที่นักลงทุนสถาบันเสนอความต้องการซื้อเข้ามา
กำหนดเปิดจองซื้อสำหรับนักลงทุนรายย่อย ระหว่างวันที่ 23 – 26 มกราคม 2567 และเตรียมเปิดให้นักลงทุนสถาบันจองซื้อในวันที่ 31 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ 2567 และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในหมวดธุรกิจ (Sector) กลุ่มธุรกิจการเงิน / ธนาคาร ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “CREDIT”
สำหรับช่วงราคาเสนอขายระหว่าง 28.00 – 29.00 บาทต่อหุ้น พิจารณามูลค่าตามบัญชีของธนาคารฯ ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 ซึ่งเท่ากับ 16,807.2 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดจำนวน 1,229,289,222 หุ้น ภายหลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (บนสมมติฐานว่ามีการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งหมดจำนวน 64,705,890 หุ้น) จะได้มูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น (Book Per Share) เท่ากับ 13.7 บาทต่อหุ้น และอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Book Ratio หรือ “P/B”) ประมาณ 2.05 – 2.12 เท่า เปรียบเทียบอัตราส่วน P/B ของธนาคารพาณิชย์เทียบเคียงที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จำนวน 8 ธนาคาร ที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจที่คล้ายคลึงหรือใกล้เคียงกัน และบริษัทที่ประกอบธุรกิจการให้สินเชื่อที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จำนวน 3 บริษัท เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการประเมินราคาหุ้นที่เสนอขาย
อย่างไรก็ดี ธนาคารไทยเครดิต มีความมั่นคงจากการเป็นธนาคารพาณิชย์ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย มุ่งเน้นให้บริการสินเชื่อไมโครไฟแนนซ์และสินเชื่อไมโครเอสเอ็มอีที่เป็นเอกลักษณ์ ปล่อยสินเชื่อที่มีผลตอบแทนสูงด้วยโครงสร้างเงินทุนที่ต้นทุนต่ำ มีอัตรากำไรสุทธิที่ยั่งยืน และมีความได้เปรียบในการทำกำไร เมื่อเปรียบเทียบกับธนาคารพาณิชย์อื่น อีกทั้ง มีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (Cost to Income Ratio) ต่ำที่สุดในบรรดาธนาคารพาณิชย์ สะท้อนความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน

พร้อมแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 6 ราย ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จํากัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ พาย จํากัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จํากัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ จำกัด และตัวแทนจำหน่ายหุ้น 1 ราย คือ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน)
การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกและเสนอขายโดยธนาคารฯ และหุ้นสามัญที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิมในครั้งนี้ จำนวนไม่เกิน 347,029,122 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 5.00 บาท/หุ้น นับเป็นธนาคารพาณิชย์ที่เสนอขายหุ้น IPO ในรอบ 10 ปี สำหรับการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ ยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันชั้นนำทั้งในและต่างประเทศที่เข้ามาร่วมจองซื้อในส่วน Cornerstone Investors สัดส่วนประมาณ 40% ของจำนวนหุ้น IPO ทั้งหมด
สำหรับช่วงราคาที่นำมาใช้ทำการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Bookbuilding) อยู่ที่ระหว่าง 28.00 – 29.00 บาทต่อหุ้น ด้วยมูลค่าการเสนอขาย 9,716,815,416 – 10,063,844,538 บาท ทั้งนี้ ธนาคารฯ ผู้ถือหุ้นเดิม ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และผู้ซื้อหุ้นเบื้องต้นในต่างประเทศ (Initial Purchasers) จะพิจารณาร่วมกันในการกำหนดราคาเสนอขายสุดท้าย (Final Price) โดยพิจารณาจากราคาและจำนวนหุ้นที่นักลงทุนสถาบันเสนอความต้องการซื้อเข้ามา
กำหนดเปิดจองซื้อสำหรับนักลงทุนรายย่อย ระหว่างวันที่ 23 – 26 มกราคม 2567 และเตรียมเปิดให้นักลงทุนสถาบันจองซื้อในวันที่ 31 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ 2567 และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในหมวดธุรกิจ (Sector) กลุ่มธุรกิจการเงิน / ธนาคาร ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “CREDIT”
สำหรับช่วงราคาเสนอขายระหว่าง 28.00 – 29.00 บาทต่อหุ้น พิจารณามูลค่าตามบัญชีของธนาคารฯ ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 ซึ่งเท่ากับ 16,807.2 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดจำนวน 1,229,289,222 หุ้น ภายหลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (บนสมมติฐานว่ามีการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งหมดจำนวน 64,705,890 หุ้น) จะได้มูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น (Book Per Share) เท่ากับ 13.7 บาทต่อหุ้น และอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Book Ratio หรือ “P/B”) ประมาณ 2.05 – 2.12 เท่า เปรียบเทียบอัตราส่วน P/B ของธนาคารพาณิชย์เทียบเคียงที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จำนวน 8 ธนาคาร ที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจที่คล้ายคลึงหรือใกล้เคียงกัน และบริษัทที่ประกอบธุรกิจการให้สินเชื่อที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จำนวน 3 บริษัท เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการประเมินราคาหุ้นที่เสนอขาย
อย่างไรก็ดี ธนาคารไทยเครดิต มีความมั่นคงจากการเป็นธนาคารพาณิชย์ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย มุ่งเน้นให้บริการสินเชื่อไมโครไฟแนนซ์และสินเชื่อไมโครเอสเอ็มอีที่เป็นเอกลักษณ์ ปล่อยสินเชื่อที่มีผลตอบแทนสูงด้วยโครงสร้างเงินทุนที่ต้นทุนต่ำ มีอัตรากำไรสุทธิที่ยั่งยืน และมีความได้เปรียบในการทำกำไร เมื่อเปรียบเทียบกับธนาคารพาณิชย์อื่น อีกทั้ง มีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (Cost to Income Ratio) ต่ำที่สุดในบรรดาธนาคารพาณิชย์ สะท้อนความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน
ยอดนิยม
GULF ลั่นกรณี KBANK ซื้อหุ้นคืน จำกัดสิทธิ "ซื้อขายหุ้น" ของบริษัทไม่ได้ แม้ KBANK ร่อนหนังสือวอนห้ามจำหน่าย
“พงษ์ศักดิ์” ทุ่ม 3.5 พันลบ. เทนเดอร์ SVI หุ้นละ 7.50 บาท ก่อนเพิกถอนออกจากตลาดหุ้น
“เซียนมี่” รับทรัพย์ 146 ลบ. หลัง “พงศ์ศักดิ์” ทำเทรนเดอร์ หุ้น SVI ที่ราคา 7.50 บาท
โบรกฯ คาด IRPC พลิกมีกำไร ครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส หลังสต๊อกน้ำมันเป็นบวก-GIM พุ่ง