Gossip Station..by เจ๊จิ๋ม

เจ๊จิ๋ม..สายเถื่อน 22-01-24


22 มกราคม 2567
 เจ๊จิ๋ม..สายเถื่อน 22-01-24

22-01-24 สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยเวลา 7.30 น.มีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ     

***ศุกร์ที่ผ่านมาดาวโจนส์ปิดที่ 37,863.80 จุด เพิ่มขึ้น 395.19 จุด หรือ +1.05%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,839.81 จุด เพิ่มขึ้น 58.87 จุด หรือ +1.23% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,310.97 จุด เพิ่มขึ้น 255.32 จุด หรือ +1.70%

***รายงานข่าวระบุว่า ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดบวกในวันศุกร์ (19 ม.ค.) และดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี ขานรับการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาด ทั้งนี้มีการเปิดเผยผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 78.8 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2564 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 70.2 จากระดับ 69.7 ในเดือนธ.ค. 

***ทำให้บรรดาผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นมากขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต ขณะที่คลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ ทั้งนี้ ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 2.9% ในช่วง 1 ปีข้างหน้า ลดลงจากระดับ 3.1% ในการสำรวจเมื่อเดือนที่แล้ว นอกจากนี้คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 2.8% ในช่วง 5 ปีข้างหน้า ลดลงจากระดับ 2.9% ในการสำรวจเมื่อเดือนที่แล้ว

***ส่วนตลาดหุ้นไทยเราสำหรับสัปดาห์นี้ (22-26 ม.ค. 67) กูรูหุ้นประเมินสัญญาณทางเทคนิค มีแนวรับที่ 1,385 และ 1,370 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,400 และ 1,425 จุด ตามลำดับ โดยมีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขส่งออกเดือนธ.ค. ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และผลประกอบการงวดไตรมาส 4/66 ของบจ. ไทย ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดขายบ้านใหม่ รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล และดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนธ.ค. ดัชนี PMI เดือนม.ค. (เบื้องต้น) ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/66 รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

***เป็นภาคต่อของ NUSA จากสัปดาห์ที่แล้ว มีน้องพรายมากระซิบบอกกับเจ๊ว่าสัปดาห์นี้ทาง ก.ล.ต.ได้เชิญกรรมการอิสระของ NUSA เข้าพบ แหม!!! สาแก่ใจอีช้อยยิ่งนัก!!! เดาว่าน่าจะเกี่ยวกับเรื่องที่กรรมการ 2 คนที่ลาออกจากตำแหน่งกรรมการตรวจสอบ-แล้วแจ้งว่า "ประสบปัญหาด้านสุขภาพ" แต่ยังทำตาใสขอนั่งในตำแหน่ง "กรรมการอิสระ" ต่อไป!! ทั้งๆ ที่ตัวเองก้อบอกอยู่แล้วว่า "ประสบปัญหาด้านสุขภาพ..ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่"

***แบบนี้เค้าเรียกว่าสวรรค์มีตา-โลกตลาดทุนยังมี ก.ล.ต.คอยค้ำอยู่ ไม่ให้พวกเรารายย่อยโดนกระทำย่ำยีได้ตามใจ นี่มันบริษัทมหาชนนะคะคู้นนนน..ไม่ใช่บริษัทส่วนตัวที่จะทำอะไรก้อได้ ..NUSA ยังมีผู้ถือหุ้นรายย่อยอีกกว่า 8,700 คนเป็นเจ้าของร่วมในบริษัทอยู่นะ!!! เพราะฉะนั้นเวลาอนุมัติใช้จ่ายเงินทองต้องเกิดประโยชน์และประสิทธิภาพสูงสุดด้วย ไม่ใช่ว่ามีอำนาจในมือแล้วจะใช้ทำอะไรก้อได้นะ!!!

***หากว่าเป็นเรื่องจริง..เจ๊จิ๋มในฐานะนักลงทุนรายย่อยคนหนึ่งที่แม้ว่าจะไม่ได้ถือหุ้น NUSA แต่อยากรบกวน ก.ล.ต.ผู้ทรงธรรม..ให้ช่วยจัดการแทนผู้ถือหุ้นรายย่อยทีเถิดค่ะ!!ถ้าทั่นกรรมการมีปัญหาสุขภาพไม่พร้อมทำงานให้เต็มที่..จะมาอยู่เบียดบังเงินผู้ถือหุ้นทำไม??? และเคสแบบหากว่า ก.ล.ต.ปล่อยไป  เกิดว่ามีบจ.อื่นๆ ทำตามบ้าง ผู้ถือหุ้นรายย่อยจะหวังพึ่งพาใครได้อีกละคะ???

***เห็นผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ออกมาแล้ว..ไม่เกินคาดหมายทุกแห่งกำไรพุ่งกระฉูด โดยเฉพาะ 4 แบงก์ใหญ่กำไรอลังการ!!!
BBL       41,635,521       29,305,591
KBANK     42,405,035       35,769,490
KTB      36,615,911       33,697,736
SCB         43,521,334       37,546,011
รักใครชอบใคร..ก้อจัดไปเลยจ๊ะ!!!

***ก่อนบ๋าย-บายวันนี้เจ๊ว่าหุ้น SAFE น่าสนใจมากๆ ไม่รู้ว่าเหตุใดที่ราคาหุ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา..ไอ้โม่งที่ไหนเทขายออกมา ไม่รู้ว่ามีเป้าประสงค์ใด "ทุบก่อนเพื่อเก็บของถูกรึป่าว?" เพราะจากที่เจ๊ศึกษามาหุ้นตัวนี้อนาคตสดใสแน่ๆ 

-BLS ให้ราคาเป้าหมาย  25.00 บาท แนะนำ Buy
-FSSIA ให้ราคาเป้าหมาย 25.00 บาท แนะนำ Buy

***สำหรับเหตุผลสนับสนุน SAFE คือ มีการประเมินว่ากำไรสุทธิ 4Q23 +5% q-q, +96% y-y เป็น 63 ลบ. จากการเพิ่มขึ้นของรายได้บริการผู้มีบุตรยากและการตรวจพันธุกรรมตัวอ่อน ทำให้กำไรปี 2023 จบที่ 212 ลบ. +31% y-y แนวโน้มปี 2024 สดใสจาก demand ของการมีบุตรในปีมังกร ซึ่งมีความต้องการทั้งคนไทยและต่างชาติ รวมถึง demand ปกติที่คนสมัยนี้มีบุตรยาก  พร้อมประเมินกำไรปี 2024 +33% y-y เป็น 281 ลบ. ราคาหุ้นปัจจุบันเทรดที่ PE 22.5x ถูกกว่า GFC ที่ 24.7x และกลุ่มการแพทย์ที่ 25-30x