Gossip Station..by เจ๊จิ๋ม

เจ๊จิ๋ม..สายเถื่อน 03-01-24


03 มกราคม 2567
เจ๊จิ๋ม..สายเถื่อน 03-01-24

03-01-24 สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยเวลา 7.30 น.มีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ  
 
***โด้น-โดนแล้วล่ะ!!! ZIGA โดนแล้วจ้ะ ตลท.สั่งห้ามคำนวณวงเงินซื้อขาย และ Cash Balance เริ่ม 3 ม.ค.ถึง 23 ม.ค. 2567 แหม!! ย้อนหลังกลับไปดูราคาหุ้นในรอบหนึ่งเดือนที่ผ่านมาคึกคักจริงๆ ขึ้นไปสูงสุดที่ 3.48 บาท ส่วนราคาต่ำสุดคือ 2.18 บาท สำหรับเมื่อวาน ปิดที่ 3.38 บาท เพิ่มขึ้น 0.66 บาท หรือ 24.26% มีมูลค่าการซื้อขายรวม 714.79 ล้านบาท

***ส่วน MGI หุ้นนางงาม..แข็งแกร่งสุดๆ ทั้งๆ ที่โดนสั่งขังกรง  Cash Balance แต่โนสน-โนแคร์ค่ะ ปิดที่ 19.50 บาท บวกต่ออีก 0.50 บาท ซื้อขายรวม 122.38 ล้านบาท  แต่เจ๊อยากจะบอกว่า..อย่าชะล่าใจ!!! ไม่เคยมีใครขัดอาญาสิทธิ์ไปได้  ถ้าดื้อต่อไปเด๋วโดนหวดด้วยไม้สอง-ไม้สาม เด๋วก้อสงบลงเองอ่ะ ..หวังแต่ว่าตอนนั้นรายย่อยตาดำๆ จะไม่เจ็บตัวมากเกินไปนัก

***ว๊าววววว !!! PTG สยายปีกครั้งสำคัญ คราวนี้ลุยเข้าสู่ธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง ควักเงิน 825 ล้านบาทเข้าไปถือหุ้น 33.33% ใน "ไพศาล แคปปิตอล" เป้าหมายครั้งนี้เพื่อสร้างการเติบโต สร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน และต่อยอดระบบนิเวศทางธุรกิจของบริษัทเพื่อขยายความหลากหลายของบริการให้ลูกค้าอยู่ดีมีสุข

***มาแอบส่องดูราคาเป้าหมายที่กูรูหุ้นมอง PTG กันดีกว่า..ว่าแต่ละค่ายเห็นเป็นอย่างไร ในแร้งกิ้งของ IAA Consensus สี่อันดับแรกคือ
-YUANTA ราคาเป้าหมาย 10.20 บาท แนะนำ  Buy
-KGI ราคาเป้าหมาย  11.50 บาท แนะนำ Outperform Market
-KCS ราคาเป้าหมาย  10.00 บาท แนะนำ Trading Buy
-LIB ราคาเป้าหมาย  10.00 บาท แนะนำ Buy 

***สตาร์ทแล้วนะมาตรการ Easy E-Receipt ของภาครัฐ เป็นโครงการให้บุคคลธรรมดา สามารถหักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าและบริการ ไม่เกิน 5 หมื่นบาท (1 ม.ค.-15 ก.พ.67) โดยต้องมีหลักฐานเป็นใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ คาดว่าเพิ่มเงินหมุนเวียนในระบบ 70,000 ล้านบาท หรือกระตุ้น GDP ปี 2567 ให้เพิ่มขึ้นอีก 0.18% ทั้งนี้ผู้ที่ใช้มาตรการ Easye-Receipt แล้ว หากเข้าเงื่อนไขของเกณฑ์ Digital Wallet ก็ยังสามารถใช้โครงการนี้ได้ด้วย 

***กูรูหุ้นประเมินออกมาว่ามี 3 กลุ่มอุตสาหกรรมจะได้ประโยชน์จากนโยบายนี้คือ
- กลุ่มท่องเที่ยว : CENTEL, ERW, MINT
-กลุ่มอุปโภค/บริโภค : CPN, CPAXT, HMPRO, ADVANC, COM7, CRC, CPALL, BJC, CBG, OSP, JMART, COM7, DCC, M, AU, SCGP
-กลุ่มคาดหวังเศรษฐกิจฟื้น : KBANK, BBL, TISCO, TIDLOR, MTC, SAWAD, KTC, AEONTS, BAM

***อีกเรื่องปิดท้ายวันนี้..รู้รึยังว่าตลท.เริ่มใช้แล้วววว!   SET50 และ SET100 Free Float Adjusted Market Capitalization Weighted Index หรือ SET50FF และ SET100FF เป็นทางเลือกในการใช้เป็นดัชนีอ้างอิง (Benchmark) ของกองทุนเพิ่มเติมจากดัชนี SET50 และดัชนี SET100 ที่มีอยู่ในปัจจุบัน 

***วงการประเมินว่าการเข้ามาของดัชนีใหม่อาจทำให้กองทุนบางส่วนซึ่งใช้ SET50 และ SET100 เดิม เปลี่ยนมาใช้ดัชนีใหม่เป็น Benchmark แทน 
-ผลกระทบด้านบวก หุ้นใน SET50 ที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้าหนักสูงสุด 5 อันดับแรก คำนวณ ณ ราคาปิดวันที่ 26 ธ.ค. ได้แก่ BBL (+202 ถึง +807 ลบ.), KBANK (+141 ถึง +564 ลบ.), BDMS (+140 ถึง +559 ลบ.), SCB (+140 ถึง +558 ลบ.) และ SCC (+97 ถึง +386 ลบ.) 
-ผลกระทบด้านลบ หุ้นใน SET50 เดิม ที่มีโอกาสถูกลดน้าหนักสูงสุด 5 อันดับแรก คำนวณ ณ ราคาปิดวันที่ 26 ธ.ค. ได้แก่ DELTA (-363 ถึง 1454 ลบ.), AOT (-175 ถึง 703 ลบ.), GULF (-133 ถึง 535 ลบ.), ADVANC (-82 ถึง 329 ลบ.) และ PTTEP (-82 ถึง 329 ลบ.)

***ขณะที่เซียนหุ้นอีกค่ายมองว่ากลุ่มที่คาดได้รับประโยชน์จาก Fund flow สถาบันและต่างชาติ คือ กลุ่มหุ้น Free Float สูง เนื่องจากรับดัชนีใหม่ SET50FF และ SET100FF โดย 7 กลุ่มหุ้น FreeFloat สูงกว่าตลาด(Freefloat ราว 49%) คือ BANK -CONS -TOURISM -HELTH -PROP -CONMAT -AGRI