Smart Investment

"โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ" เทขายหุ้น CV เมินสิทธิรับเพิ่มทุนราคาต่ำบาท


27 ธันวาคม 2566

by.พูเมซ่า

smart invest ส่องพอร์ต “โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ” 2.14 พั.jpg

ภาพรวมตลาดหุ้นไทยช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปีนี้ ดัชนียังคงผันผวนและยืนเหนือระดับ 1,400 จุดได้เล็กน้อย ขณะบล.เอเซียพลัส ระบุว่า บรรยากาศตลาดหุ้นไทยมาทั้ง Window Dressing และJanuary Effect  แม้มูลค่าการซื้อขายจะเบาบางช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองปลายปี แต่เราเห็นแรงซื้อที่ แข็งแรงจากนักลงทุนสถาบันในประเทศ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเม็ดเงิน Thailand ESG Fund ที่ AUM เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และน่าจะเปิดโอกาสให้เกิดปรากฎการณ์ Window Dressing ตามมาในช่วงเวลาที่เหลือของปี ตามด้วย January Effect ต้นปี 2567 ส่วนปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐาน มี 2 เรื่องที่น่าสนใจ ได้แก่ มติ ครม. ที่ เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 ซึ่งจะนำเข้าสู่กระบวนการของรัฐสภาใน วันที่ 3 –4 มกราคม 2567 และคาดวาน่าจะเห็นเม็ดเงินจากงบประมาณถูกนำมาใช้จ่ายได้ ช่วงกลาง 2Q67 ทำให้การขับเคลื่อนมาตรการต่างๆ ของภาครัฐเป็นรูปธรรม มากขึ้น ส่วนอีกเรื่องหนึ่งเป็นมติ ครม. เช่นกัน ที่เห็นชอบกรอบเงินเฟ้อปี 2567 ที่ 1 – 3% ทั้งนี้เมื่อเทียบกับสถานการณ์เงินเฟ้อปัจจุบัน จะเปิดทางให้ กนง. สามารถที่จะเดินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินได้สะดวกขึ้น

ยังไม่เห็นปัจจัยลบเข้ามาสร้างแรงกดดัน โอกาสที่จะเห็น Window Dressing ตาม ด้วย January Effect มีความเป็นได้มาก กำหนดกรอบ SET Index ที่ 1408 –1420 จุด หุ้น Top Pick เลือก CPN, CRC และ COM7

ทั้งนี้จากการรวบรวมข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในส่วนการปิดสมุดทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CV  ณ วันที่ 1 ธันวาคม 2566 พบว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 อันดับแรกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในส่วนของ "โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ" หนึ่งในนักธุรกิจชื่อดังในกลุ่มไทยซัมมิทคอร์ป และนักลงทุนรายใหญ่ที่มีพอร์ตลงทุนในตลาดหุ้นไทยมูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท

ล่าสุดพบว่า "โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ" ได้มีการลดสัดส่วนถือหุ้นCV โดยไม่ปรากฎรายชื่อการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ จากเดิมที่เคยถือลงทุน จำนวน 15,356,300 ล้านหุ้นคิดเป็น 1.20 %  สอดคล้องกับผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 อย่าง "เศรษฐศิริ ศักดิ์สิทธิเสรีกุล"ก็ได้มีการลดสัดส่วนถือหุ้นล่าสุด ถือครอง 253,188,900 หุ้น คิดเป็น 19.78% จากเดิม 295,927,400 หุ้น คิดเป็น 23.12%

 

โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 อันดับแรกของ CV  ณ 1 ธันวาคม 2566 ประกอบด้วย 

 

รายชื่อ

จำนวน(หุ้น)

%การถือครอง

นาย เศรษฐศิริ ศักดิ์สิทธิเสรีกุล

253,188,900

19.78

น.ส. นิลทิตา เลิศเรืองศุภกุล

177,030,000

13.83

นาย วัชรินทร์ พงษ์วชิรินทร์

33,353,500

2.61

นาง อาทิตยา ชาญวีรกูล

30,100,000

2.35

บริษัท ธนวรินทร์ จำกัด

23,453,700

1.83

บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด

22,708,398

1.77

LGT BANK (SINGAPORE) LTD

19,042,200

1.49

นาง หทัยรัตน์ จุฬางกูร

18,020,000

1.41

นาย เอนก วงศ์ไพฑูรย์ปิยะ

15,870,000

1.24

นาย สุรนาท วงศ์ชนะภัย

15,754,000

1.23

 

ส่วนปัจจัยที่ทำให้ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ได้ลดสัดส่วนการถือครองหุ้นในครั้งนี้ ก็น่าจะเกิดจากการประกาศเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิม โดยการประชุมคณะกรรมการบริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 10/2566 เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 ที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติให้ยกเลิกการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) ในราคา 1.0 บาทต่อหุ้น ที่เกิดขึ้นในระหว่างวันที่ 6-10 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา

โดยในการประชุมคณะกรรมการบริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 11/2566 เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 ที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติกำหนดราคาหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) ในราคา 0.50 บาทต่อหุ้น และกำหนดราคาการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 1  (CV-W1) ในราคา 0.50 บาทต่อหุ้น เพื่อให้สอดคล้องกัน  โดยจะเปิดให้จองซื้อในระหว่างวันที่ 5 - 19 มกราคม 2567

นายเศรษฐศิริ ศักดิ์สิทธิเสรีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CV ผู้พัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนขนาดเล็ก เปิดเผยว่า เนื่องด้วยการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ และจากที่สถานการณ์สงครามในต่างประเทศส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ในต่างประเทศและราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  รวมทั้งส่งผลให้ราคาซื้อขายหุ้นของบริษัทฯ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีมูลค่าลดลงต่ำกว่าราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน และต่ำกว่าราคาการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ 

เพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้น และเพื่อให้การเพิ่มทุนของบริษัทฯ สามารถดำเนินการได้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ ทางบริษัทฯ ได้ทำการยกเลิกและคืนเงินการรับจองซื้อหุ้นในราคา 1.0 บาทต่อหุ้นดังกล่าว และให้ผู้ถือหุ้นแต่ละรายได้แก้ไขการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) เพื่อใช้สิทธิในการจองซื้อหุ้นในราคาหุ้นเพิ่มทุนที่ได้กำหนดใหม่  ให้สอดคล้องกับราคาซื้อขายหุ้นของบริษัทฯ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปัจจุบัน 

สำหรับสรุปภาพรวมผลการดำเนินงาน 9 เดือน ของกลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวมเท่ากับ 876.44 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจาก กลุ่มธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า มีรายได้รวม 9 เดือน 435.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.61 ล้านบาท จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565 จากการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงไฟฟ้า  ส่วนกลุ่มธุรกิจวิศวกรรม มีรายได้รวม 9 เดือน 390.57 ล้านบาท และกลุ่มธุรกิจเชื้อเพลิง มีรายได้รวม 9 เดือน 44.58 ล้านบาท

โดยสำหรับในไตรมาสที่ 4 บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าเพิ่มปริมาณงานซื้อขายเชื้อเพลิงขยะ เตรียมลงนามสัญญาซื้อขาย Wood Pallet พร้อมกับพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าขยะร่วมกับพันธมิตร และรับงาน EPC ในโครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็กมากเข้ามา รวมถึงธุรกิจโรงไฟฟ้ายังคงเดินหน้าเดินเครื่องตามปกติ