Gossip Station..by เจ๊จิ๋ม

เจ๊จิ๋ม..สายเถื่อน 26-12-23


26 ธันวาคม 2566
เจ๊จิ๋ม..สายเถื่อน 26-12-23

26-12-23 สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยเวลา 7.30 น.มีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ  
 
***วันนี้มาเริ่มกันที่เรื่องของกระทรวงการคลังที่อยู่ระหว่างพิจารณามาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยจะมีการเสนอ ครม.พิจารณาต่ออายุมาตรการลด ค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ที่จะสิ้นสุดในปีนี้ โดยจะขยายไปถึงสิ้นปีหน้า 2567 นอกจากนี้ยังต้องการให้ ธปท. ผ่อนปรนเกณฑ์ LTV โดย อยากให้ประชาชนสามารถกู้ได้ 100% ไม่ว่าจะเป็นบ้านหลังที่เท่าไหร่ หรือ ราคาเท่าไหร่ (จากปัจจุบันเกณฑ์ LTV แบบเดิม คือ การกู้หลังแรกวงเงินไม่ เกิน 10 ล้านบาท กู้ได้ 100% และตกแต่งเพิ่มได้อีก 10%, บ้านหลังที่ 2 วงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาท กู้ได้ 70-90%, วงเงิน 10 ล้านบาทขึ้นไป กู้ได้ 7090%) 

***เรื่องนี้กูรูหุ้นมองว่าเป็นบวกเล็กน้อย โดยการขยายมาตรการลดค่าโอนและจดจำนองไปอีก 1 ปียังเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ก่อนหน้านี้ ซึ่งยังคงกำหนดเฉพาะการซื้อที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ทำให้ได้ประโยชน์ไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นตลาดล่าง ซึ่งหุ้นที่จะได้รับประโยชน์ ได้แก่ LPN และ PSH อย่างไรก็ตาม กลุ่มตลาดล่างจะยังมีความเสี่ยงกำลังซื้อที่ยังฟื้นตัวช้า รวมถึงยังได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น และสถาบันการเงินยัง เข้มงวดต่อการปล่อยกู้มากกว่า ส่วนการผ่อนเกณฑ์ LTV จะเป็น sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มอสังหาฯ แต่มีความเป็นไปได้น้อยที่ ธปท.จะผ่อน เกณฑ์มาตรการดังกล่าว อย่างไรก็ตามสำหรับกลุ่มนี้ยังให้น้ำหนักการลงทุน เป็น underweight จากกำลังซื้อที่ยังฟื้นตัวช้า และยอดขายต่างชาติยังทรงตัว

***ส่วนเซียนหุ้นอีกค่ายมองว่าประเด็นเรื่องการผ่อนปรน LTV ว่าจะมีผลต่อกลุ่มอสังหาฯ ในเชิงบวกมากกว่ามาตรการลดค่าโอนและจดจำนอง เนื่องจากเดิมการเกิดขึ้นของมาตรการ LTV ก็เพื่อหวังสกัดกั้นการเก็งกำไร มองว่าภายใต้ภาวะเศรษฐกิจไทยและ ภาคอสังหาฯ ที่ยังต้องการแรงสนับสนุน หากมีการปลดล็อกหรือลดความเข้มงวดของมาตรการ LTV ย่อมเป็นผลบวกและมีโอกาสกระตุ้นภาคธุรกิจที่อยู่อาศัย ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่สร้าง MULTIPLIER EFFECT ให้กับธุรกิจอื่นในวงจรเศรษฐกิจไทย   ส่วนคำแนะนำลงทุน "เท่าตลาด" สำหรับกลุ่มฯ เลือกหุ้นเด่นที่มีพื้นฐานธุรกิจแข็งแรง มีสินค้า กระจายตัวทั้งแนวราบและคอนโดฯ รวมถึงพอร์ตลูกค้าหลากหลาย ตลอดจนปันผลจูงใจ ได้แก่ AP-SPALI-SC-LH-SIRI 

***เรื่องร้อนต่อมาคือ..ได้ยินว่าวันนี้เวลาราวๆ 9.30 น.ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษดีเอสไอ(DSI) แจ้งวัฒนะ มีการนัดรวมตัวกันของผู้ได้รับผลกระทบจากการบริหารงานและส่อทุจริตของเจ้าหน้าที่บริหารชุดปัจจุบัน  NUSA ร่วมพลังกันแสดงออกโดยการยื่นตรวจสอบการทุจริตที่ดีเอสไอ ...โปรดติดตามตอนต่อไป

***ส่วนอีกฝั่งคือ NUSA ลองไปนับดูข้อมูลข่าวที่แจ้งผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์...มึนหัวไปหมด!!! เยอะจริงๆๆๆ เฉพาะเดือน ธ.ค.66 ถึงตอนนี้มีการแจ้งข้อมูลมากถึง 11 ครั้งแล้ว ส่วนเดือนพ.ย.จำนวน 9 ครั้ง ... โอว์ว์ว์ว์ว์ว์

***อีกเรื่องร้อนๆๆๆ ที่ต้องชี้แจงเพื่อความโปร่งใสและเข้าใจถูกต้องตรงกัน เป็นเรื่องของ PTG  ชี้แจงกรณีที่มีผู้บริโภคร้องเรียนว่ามาเติมน้ำมัน E20 มีน้ำปนเปื้อนในถังน้ำมันที่ซื้อไป ...เรื่องนี้ไม่รอช้า PTG ได้ดำเนินการตรวจสอบกรณีดังกล่าวในทันที เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้บริการและผู้บริโภค ซึ่งผลจากการตรวจสอบวัดหลุมตามกระบวนการควบคุมคุณภาพน้ำมัน สรุปได้ดังนี้

***ผลออกมาได้ตามเกณฑ์ที่กฏหมายกำหนด และไม่มีลูกค้ารายใดเข้ามาร้องเรียนหรือมีรถเสียหาย ซึ่งในวันพฤหัสบดีที่ 21 ธันวาคม  2566  ทางบริษัทได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบคุณภาพน้ำมันอีกครั้ง ยังยืนยันผลเป็นปกติตามเกณฑ์ และในวันเดียวกันเวลาประมาณ 15.00 น  ทางสำนักงานพลังงานจังหวัดพัทลุง ได้ส่งวิศวกรชำนาญการเข้ามาพร้อมกับผู้สื่อข่าว และได้มีการตรวจสอบคุณภาพน้ำมันตามขั้นตอนของราชการ ซึ่งผลที่ออกมายังคงเป็นปกติ

***PTG มุ่งมั่นที่จะสร้างความพึงพอใจและความเชื่อมั่นแก่ลูกค้าให้ได้รับการบริการที่ดี และได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพที่สุด ด้วยมาตรฐานการรับรอง ต่าง ๆ ทั้งในระดับประเทศและระดับสากล ซึ่งบริษัทมีฝ่ายตรวจสอบคุณภาพน้ำมันที่ออกตรวจสถานีบริการน้ำมันพีทีทุกแห่งทั่วประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้บริการและผู้บริโภค ขอให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นในคุณภาพน้ำมันของพีทีจี

***ว๊าววววว!!! รบมือรัวๆๆๆ ให้กับ SSP ชัดเจน!!! มุ่งมั่น!!! เรื่อง ESG  โดยล่าสุดได้จัดตั้งคณะกรรมการด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (ESG) เพื่อกำหนดนโยบาย ทิศทาง และแนวทางการดำเนินงาน ไปสู่การปฏิบัติทั่วทั้งองค์กร ซึ่งสอดคล้องกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ได้มีการส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงเรื่อง “ESG” เป็นสำคัญ  สะท้อนถึงมุ่งมั่นและให้ความสำคัญกับเรื่อง สิ่งแวดล้อม และสังคม ไปพร้อมกับการกำกับดูแลกิจการที่ดีเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

***"วรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์" บิ๊กบอส SSP  บอกว่าบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเป็น Net Zero Emission ตามกรอบแผนพลังงานชาติ ที่มีการกำหนดนโยบาย และมีเป้าหมายสนับสนุนให้ประเทศไทยมุ่งสู่การใช้พลังงานสะอาด และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก คาร์บอนไดออกไซด์ สุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี 2608 - 2613

***บัดนาว SSP ทำธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ล้วนเป็นพลังงานสะอาด ทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์, โรงไฟฟ้าพลังงานลม, โรงไฟฟ้าชีวมวล และ พลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา และที่ผ่านมายังได้รับ Green Loan การกู้ยืมเงินเพื่อไปใช้สร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม จาก International Finance Corporation หรือ IFC และธนาคารไทยพาณิชย์ รวม 2.2 พันล้านบาท  และยังมีแผนขยายพอร์ตโรงไฟฟ้า Renewable อย่างต่อเนื่องด้วย

***ปิดท้ายกับผู้บริหารหนุ่ม-หล่อ-รุ่นใหม่-ไฟแรง "ไมตี้-พัชรพล เตชะหรูวิจิตร” ทายาทรุ่นที่ 3 แห่ง บมจ. เอเชียโฮเต็ล (ASIA) ดีกรีปริญญาโทจากสหรัฐฯ ประกาศเสริมทัพปลุกปั้น “โรงแรมเอเชีย” แบบเต็มตัว ประเดิมผลงานแรกด้วยการปิดดีลซื้อโรงแรมในสหรัฐฯ ต่อด้วยแผนรีโนเวทพลิกโฉม “โรงแรมเอเชีย กรุงเทพ” ยกเซ็ตด้วยดีไซน์ทันสมัย สอดรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ตอกย้ำมาตรฐานโรงแรมชั้นนำ ระดับ 4 ดาว...ขยันขันแข็งผุดโปรเจคแบบไม่มีพัก  ว๊าววววว-แบบนี้เค้าเรียกว่า "มีดีครบเครื่อง" ผู้ถือหุ้น ASIA สบายใจได้แล้ว ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงคนนี้ พร้อมผลักดันธุรกิจให้เติบโตแน่นอน