Gossip Station..by เจ๊จิ๋ม

เจ๊จิ๋ม..สายเถื่อน 27-11-23


27 พฤศจิกายน 2566
เจ๊จิ๋ม..สายเถื่อน 27-11-23

27-11-23 สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยเวลา 7.30 น.มีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ     

***ศุกร์ที่ผ่านมาดาวโจนส์ปิดที่ 35,390.15 จุด เพิ่มขึ้น 117.12 จุด หรือ +0.33%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,559.34 จุด เพิ่มขึ้น 2.72 จุด หรือ +0.06% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,250.85 จุด ลดลง 15.00 จุด หรือ -0.11%

***รายงานข่าวระบุว่า มีกการซื้อขายที่เบาบางเนื่องจากตลาดเปิดทำการเพียงครึ่งวัน หลังจากปิดทำการวันพฤหัสบดีเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า ขณะที่นักลงทุนพิจารณาแนวโน้มการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเริ่มต้นฤดูกาลชอปปิง

***ด้านเอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ทรงตัวที่ระดับ 50.7 ในเดือนพ.ย. โดยดัชนี PMI อยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคธุรกิจสหรัฐ บรรดานักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่กำหนดเวลาที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเป็นครั้งแรก ซึ่งจะถูกกำหนดโดยอัตราเงินเฟ้อที่จะชะลอตัวลงสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%

***สำหรับสัปดาห์นี้ (27 พ.ย.-1 ธ.ค.) กูรูประเมินว่าหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,390 และ 1,375 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,415 และ 1,430 จุด โดยมีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขส่งออกเดือนต.ค. ของไทย การประชุมกนง. (29 พ.ย.) ทิศทางเงินทุนต่างชาติและการประชุมโอเปกพลัส (30 พ.ย.) ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่ รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล ดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนต.ค. ดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิตเดือนพ.ย. จีดีพีไตรมาส 3/66 (prelim.) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ กำไรบริษัทภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. ของจีน ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพ.ย. (เบื้องต้น) ของยูโรโซน และดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนพ.ย. ของจีน ญี่ปุ่นและยูโรโซน
 
***ตลท.เปิดเผยข้อมูลของ บจ.จำนวน 815 บริษัท คิดเป็น 97.26% จากทั้งหมด 836 บริษัท (รวม SET และ mai ที่มีกำหนดส่งงบการเงิน ณ สิ้นงวด 30 กันยายน 2566 ) ที่่ส่งผลงานงวด 9 เดือน ปี 66 พบว่ามี บจ. รายงานกำไรสุทธิ 614 บริษัท คิดเป็น 73.27% ของ บจ. ที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด

***สำหรับ SET มียอดขาย 12,729,782 ล้านบาท ลดลง 3.4% ต้นทุนการผลิตปรับลดลง 2.9% ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มสูงขึ้น 5.8% ซึ่งส่งผลให้ บจ. มีกำไรจากการดำเนินงานหลัก (Core profit) 1,249,191 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 740,814 ล้านบาท ลดลง 16.0% และ 10.6% ตามลำดับ สำหรับฐานะการเงินของกิจการ ณ 30 กันยายน 2566 บจ. ไทยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน หรือ D/E ratio (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) อยู่ที่ระดับ 1.55 เท่า ลดลงจาก 1.58 เท่าของงวด 9 เดือนปี 2565

*** ส่วนตลาด mai งวด 9 เดือนปี 2566 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มียอดขายรวม 145,338 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.2% ต้นทุนการผลิต 107,737 ล้านบาท ลดลง 0.3% ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 28,319 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.4% ส่งผลให้มีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 9,282 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 5,479 ล้านบาท ลดลง ลดลง 12.9% และ 35.0% 

***"แมนพงศ์ เสนาณรงค์" รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ของ ตลท.บอกว่า“ภาพรวมผลประกอบการที่อ่อนตัวลงทั้งยอดขายและกำไรสุทธิ เป็นผลกระทบจากราคาน้ำมันและการชะลอตัวของเศรษฐกิจต่างประเทศ ซึ่งส่งผลลบต่อธุรกิจพลังงาน ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ รวมถึงธุรกิจที่มีการส่งออก หากไม่รวมธุรกิจดังกล่าว ภาพรวมมีผลประกอบการทรงตัว โดยมีปัจจัยบวกจากหมวดธุรกิจธนาคารซึ่งเติบโตตามอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ธุรกิจประกันภัยฟื้นตัวจากสถาณการณ์โควิด ธุรกิจท่องเที่ยวจากการเปิดประเทศ และธุรกิจเทคโนโลยีที่มีความต้องการสูงในยุคดิจิทัล” 

***เรื่องราวของ JKN ยังต้องติดตามต่อไปอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในประเด็นที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ JKN ชี้แจงข้อมูลในงบการเงินไตรมาสที่ 3 ปี 2566 ภายในวันที่ 8 ธันวาคม 2566 ซึ่งผู้สอบบัญชีไม่ให้ข้อสรุปต่องบการเงินเนื่องจากมีความไม่แน่นอนที่มีสาระสำคัญต่อความสามารถในการดำเนินงานต่อเนื่อง และอาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าสินทรัพย์และหนี้สินที่มีสาระสำคัญ ได้แก่
 (1) การประเมินการด้อยค่าสินทรัพย์เงินลงทุนในบริษัทย่อย เครื่องหมายการค้า ลิขสิทธิ์รายการ และค่าความนิยม รวม 10,789 ล้านบาท ที่อยู่ระหว่างดำเนินการประเมินซึ่งอาจมีผลกระทบต่อมูลค่าสินทรัพย์ ขณะที่บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้น 4,813 ล้านบาท
 (2) การขาดสภาพคล่องทางการเงิน และ
 (3) การผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ ส่งผลให้ถือเป็นเหตุผิดนัดหนี้อื่นๆ รวม 4,558 ล้านบาท โดยบริษัทยังไม่ตั้งประมาณการความเสียหายและดอกเบี้ยผิดนัดชำระ 

***ปิดท้ายวันนี้พวกเรามาปรบมือรัวๆๆๆ ให้กับ PTG กันค่ะ ล่าสุด!!!มีรายงานว่า ฯพณฯนุรักษ์ มาประณีต องคมนตรี เป็นประธานมอบรางวัลอันทรงเกียรติในงาน “BUSINESS+ PRODUCT OF THE YEAR  AWARDS 2023” สุดยอดสินค้าและบริการยอดเยี่ยมแห่งปี 2566 ให้แก่  บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด โดยแบรนด์กาแฟพันธุ์ไทยได้รับการโหวตจากผู้บริโภคว่าเป็นสินค้าที่ได้รับความชื่นชอบและเลือกใช้บริการจากผู้บริโภคมากที่สุด ในกลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้าอุปโภค – บริโภค จากการสำรวจของนิตยสาร Business+ ภายใต้ บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล