Gossip Station..by เจ๊จิ๋ม

เจ๊จิ๋ม..สายเถื่อน 21-11-23


21 พฤศจิกายน 2566
เจ๊จิ๋ม..สายเถื่อน 21-11-23

21-11-23 สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยเวลา 7.30 น.มีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ    
 
***มีรายงานว่าตั้งแต่ต้นเดือนตลาดตราสารหนี้ระยะยาว (10 ปี) ลงแรงกว่าระยะสั้น(2 ปี) มาก ส่งผลให้ราคาหุ้นระยะสั้นจะไม่ค่อยดี และจะตามมาด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลาง จากนั้นก็จะเป็นสัญญาณที่ดีต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นในระยะถัดไป  ส่วนกลุ่มหุ้นที่คาดได้ประโยชน์หากอัตราดอกเบี้ยลดลง คือ กลุ่มเช่าซื้อ MTC-TIDLOR-SAWAD-THANI-ASK-AEONTS-BAM-JMT กลุ่ม ธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็ก KKP-TISCO , กลุ่มอสังหาฯ  LH-AP-SIRI-SPALI-ORI-NOBLE-LALIN และ กลุ่มปันผลสูง NER-ADVANC-SCC TU-MAJOR

***ก้าวสู่ไตรมาส 4 เป็นเรื่องดีๆ ของ CMAN (ผู้ผลิตปูนไลม์ครบวงจรระดับท็อปเทนของโลก) เป็นไทม์มิ่งที่เรียกว่า.. เริ่มเข้าไฮซีซั่นธุรกิจปูนไลม์ ลุยส่งออกเต็มพิกัด บิ๊กบอส "อดิศักดิ์ เหล่าจันทร์" บอกว่าแนวโน้มธุรกิจในไตรมาสนี้คาดว่าจะดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจโลกยังชะลอตัว ภาวะเงินเฟ้อ และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลก เนื่องจากความต้องการในประเทศจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลของอุตสาหกรรมน้ำตาล และคำสั่งซื้อของลูกค้าต่างประเทศที่เลื่อนมาจากไตรมาสก่อน

*** นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่ราคาพลังงานโลกปรับลดลงจะส่งผลให้ต้นทุนสินค้าและบริการลดลง ขณะเดียวกัน CMAN เดินหน้าเพิ่มยอดขายในตลาดเป้าหมายที่มีอัตรากำไรเหมาะสม มุ่งเจาะตลาดใหม่ๆ โดยเฉพาะอินโดนีเซีย และออสเตรเลีย ที่มีแนวโน้มเติบโตสูงจากอุตสาหกรรมดาวเด่น เช่น เหมืองนิกเกิล ลิเทียม แร่ธาตุหายาก (Rare-earth) มีโครงสร้างทางการเงินแข็งแรงขึ้น และพร้อมลงทุนต่อเนื่องในโครงการพลังงานสะอาด ได้แก่ โครงการโซล่าร์ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากในการช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้า และการใช้รถพลังงานไฟฟ้า เช่น รถบรรทุกอีวี รถตักอีวี เป็นต้น เพื่อลดต้นทุนอย่างยั่งยืน 

***หันไปดูทาง PRM เสิร์ฟข่าวดีรัวๆ ทำให้ผู้ถือหุ้นยิ้มแก้มปริ!!! ชื่นใจ๊-ชื่มใจ หลังบอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.10 บ./หุ้น(เตรียมขึ้น XD วันที่ 27 พ.ย.66 และกำหนดจ่ายวันที่ 14 ธ.ค. 66)  นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่สัญญาใหม่จาก ปตท.สผ. อีกด้วย!! 

***ครั้งนี้ PRM ได้สัญญาการให้บริการเรือขนส่งและที่พักกลางทะเล (Accommodation Work Barge, AWB) จาก ปตท.สผ. เพิ่มอีก 1 ลำ โดยจะรับเรือในไตรมาส 4 นี้ พร้อมรับรู้รายได้ตั้งแต่ต้นปี 67 ทำให้ตอนนี้มีการให้บริการเรือ AWB ในอ่าวไทยถึง 2 ลำตั้งแต่ปี 67 เป็นต้นไป ซึ่งจะหนุนผลงานปี 67 เติบโตตามแผนระยะยาวของบริษัทฯ ที่ยังคงมุ่งเน้นการขยายธุรกิจในส่วนของเรือขนส่งปิโตรเคมีเหลว และเรือ Offshore Support ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่ยังคงมีโอกาสเติบโตสูง และไม่ถูก Disruption จากการขยายตลาดของรถ EV

***ส่วนแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/66 ผู้บริหารคนเก่ง+วิชั่นไกลของ PRM "วิริทธิ์พล จุไรสินธุ์" คาดว่าจะกลับมาเติบโตอีกครั้ง เพราะธุรกิจเรือขนส่งในประเทศเข้าสู่ช่วงฤดูท่องเที่ยวที่เป็น High season รวมถึงจะได้รับผลดีจากการมาตรการ Free Visa ให้กับนักท่องเที่ยวจีนของรัฐบาล ประกอบกับเรือขนส่งปิโตรเคมีเหลวที่เข้ามาเพิ่มอีก 1 ลำ ขนาด 11,000 DWT เมื่อเดือนต.ค.ผ่านมา จะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 4 นี้ ขณะที่ในส่วนของธุรกิจ FSU เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น และภาพรวมทั้งปีมั่นใจว่ารายได้ปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนตามเป้า

***COLOR ก้อไม่น้อยหน้าใครผู้บริหารหนุ่มไฟแรงงงงง  ส่งซิกไตรมาส 4/66 ผลงานโตแรง!  ทั้งรายได้และกำไร เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นธุรกิจกลุ่มผลิตเม็ดพลาสติก และดาวเด่นธุรกิจใหม่พลังงานทดแทน “Floating Solar” สร้างรายได้จากงานออกแบบ จำหน่าย และติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน (EPC) มูลค่าโครงการกว่า 347 ล้านบาท บิ๊กบอส “พีรพันธ์ จิวะพรทิพย์” สั่งลุยเพิ่มรายได้ทุกหน่วยธุรกิจเต็มพิกัด รุกขยายฐานลูกค้าใหม่ เตรียมเข้าประมูลงานด้านพลังงานทดแทนโครงการของภาครัฐ – เอกชนรายใหม่ต่อเนื่อง เน้นกลยุทธ์ลดต้นทุน เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างมั่นคง  

***ปิดท้ายวันนี้กับผู้บริหารสวย-เก่ง-วิชั่นไกล..หนึ่งเดียวคนนี้ "สินีนุช โกกนุทาภรณ์" กรรมการผู้จัดการ TEGH ออกมาแย้มแนวโน้มผลงานไตรมาส 4/66 คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่อง หลังจากที่ลูกค้าทางฝั่งยุโรปเริ่มกลับมา และบริษัทฯได้ปรับการขายไปยังกลุ่มลูกค้าอินเดียกับจีนมากขึ้น เนื่องจากมองว่าปริมาณสต็อกยางในประเทศจีนเริ่มทยอยลดลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าลูกค้าทั้งจีนและยุโรปจะกลับมาเพิ่มสต็อกยางในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท พร้อมประเมินว่าราคายางมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2 

***พร้อมกันนี้ TEGH มองยาวไปปีหน้า (2567) เตรียมขยายกำลังการผลิตยางแท่งเพิ่มอีก 70,000 ตัน ดันกำลังการผลิตรวมขึ้นไปอยู่ที่ 390,000 ตัน ซึ่งแผนขยายกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นสอดรับกับการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ  “การขยายกำลังการผลิตยางแท่งจะทำให้เกิด Economy of Scale ต้นทุนการผลิตจะลดลง โดยเฉพาะต้นทุนค่าแรงต่อหน่วย นอกจากนั้น เรายังมีการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน เพื่อเป็นการลดต้นทุนไฟฟ้าและมุ่งสู่การเป็น Carbon Neutral ซึ่งบริษัทฯได้ติดตั้ง solar roof เสร็จสิ้นไปแล้ว 1 เมกะวัตต์ มีแผนติดตั้งเพิ่มอีก 1.25 เมกะวัตต์ในปี 2567  และยังคงเน้นการใช้ก๊าซชีวภาพทดแทน LPG ในอัตราส่วนที่มากกว่า 90%”