จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : บล.ฟิลลิป แนะ “ซื้อ” TACC ปลายปียอดขายพุ่ง-ปันผลปี 66 สูงถึง 7.6%


01 พฤศจิกายน 2566
บมจ.ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) ยังคงเป็นหุ้นที่หลายโบรกเกอร์แนะนำให้เข้าลงทุน  เนื่องจากช่วงไตรมาส 4 เป็นช่วงของการฟื้นตัว และยังเป็นหุ้นที่จ่ายเงินปันผลปี 66 ในอัตราที่สูงถึง 7.6% ขณะที่ผู้บริหารมั่นใจทำผลงานปีนี้เติบโตได้ตามเป้าหมาย 

รายงานพิเศษ TACC.jpg

บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป วิเคราะห์หุ้น บมจ.ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) โดยคาดการณ์รายได้ 3Q66 จะชะลอตัวตาม Traffic ของร้าน 7-11 ตามปัจจัยฤดูกาล คาดว่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวลองมาร์จิ้น จากราคาวัตถุดิบที่อ่อนตัวลงและจะเห็นการฟื้นตัวของกำไรที่ชัดเจนกว่าครึ่งปี แรกในช่วง 4Q66 จากการเปิดสาขาของ 7-11 และยอดขายที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลสิ้นปี โดยทางฝ่ายคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐานปี 67 ที่ 6.65 บาท จากมาร์จิ้นที่ฟื้นตัวต่อเนื่องประกอบกับการจ่ายปันผลที่คาดว่าสูงถึง 7.5% ในปี 66
บล.ฟิลลิป คาดว่า 3Q66 รายได้อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน โดยทางฝ่ายคาดรายได้จากการดำเนินกิจการใน 3Q66 ชะลอตัว 4% เมื่อเทียบกับระยเดียวกันของปีก่อน จากฐานที่สูงในไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นช่วง High Season ของเครื่องดื่มจากอากาศที่ร้อนเป็น 429.28 ลบ. จาก 447.02 ลบ. ตาม Traffic ของร้านสะดวกซื้อ 7-11 ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 93% ของรายได้จากการขายใน 2Q66 
ขณะที่บริษัทยังคงได้รับปัจจัยบวกจากการเปิดสาขาเพิ่มเติมของ 7-11 ประกอบกับรายได้ต่อบิลที่เร่งตัวขึ้นจากการปรับราคาขายและการฟื้นตัวของผู้บริโภคทั้งชาวไทยและต่างชาติ
ทั้งนี้ บล.ฟิลลิปคาดมาร์จิ้น ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบ q-q แต่กำไรลดลงตามรายได้ ทางฝ่ายคาดหวังจะเห็นการเริ่มฟื้นตัวของมาร์จิ้นในระดับ q-q จากแนวโน้มราคาค่าต้นทุนวัตถุดิบและวัตถุดิบสำหรับผลิตบรรจุภัณฑ์ที่ลดลง ขณะที่ค่า SG&A ยังคงทรงตัวจากไตรมาสก่อน คาดส่งผลให้กำไร 3Q66 อ่อนตัวลงราว 7% q-q เป็น 49.35 ลบ
ด้านผู้บริหารบริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) “ชัชชวี วัฒนสุข” ประธานกรรมการบริหาร ระบุแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 คาดว่า จะดีต่อเนื่องจากไตรมาส2/2566  ซึ่งสอดคล้องกับการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่คึกคักมาตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อนจนถึงปัจจุบัน 
ขณะเดียวกันธุรกิจคาแรคเตอร์ ได้จัดทำโครงการ Thai Character Pop up in Tokyo เพื่อนำสินค้า หมาจ๋า ไปจำหน่ายในร้าน Roppongi Hills Uchimori Art Museum เมื่อเร็วๆนี้ โดยมั่นใจว่าจะได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าประเทศญี่ปุ่นเป็นอย่างดี
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการโดยรวมในงวดครึ่งปีหลัง 2566 คาดว่า จะเติบโตต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรก ที่มีรายได้รวม 826.54ล้านบาท โดย TACCยังคงดำเนินกลยุทธ์การสร้างมูลค่าเพิ่มจากผลิตภัณฑ์เดิม และพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้สามารถตอบโจทย์ลูกค้าและผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
โดยในครึ่งปีหลัง TACC มีการขยายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม Health and Wellness เต็มรูปแบบ โดยกลุ่มธุรกิจ B2B (7-Eleven) ได้มุ่งมั่นพัฒนาสินค้า Core Menu และ New Menu และออกสินค้าใหม่ร่วมกันในฐานะ Key Strategic Partner ทั้งเครื่องดื่มเย็นในโถกด (Jet Spray) และเครื่องดื่ม Non-Coffee Menu ใน All Cafe ทั้งในประเทศไทย และ7 Eleven ต่างประเทศ 
ส่วนกลุ่มธุรกิจ B2C (Non7-Eleven) พร้อมเดินหน้าขยาย Brand TRIVA (ทรีว่า) ไซรัปผลไม้เข้มข้นจากธรรมชาติทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการและสร้างความแตกต่างให้กับผู้ประกอบการร้านค้า คาเฟ่ (Total solution service offering) เพื่อขยายฐานลูกค้าในกลุ่มต่างๆ และคาดว่ารายได้รวมปี 2566 จะโต 10% ตามเป้าหมาย