Gossip Station..by เจ๊จิ๋ม

เจ๊จิ๋ม..สายเถื่อน 24-08-23


24 สิงหาคม 2566
เจ๊จิ๋ม..สายเถื่อน 24-08-23

24-08-23 สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยเวลา 7.30 น.มีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ 
 
***เมื่อวานหุ้นไทยบวกขึ้นมาอีกนิดหน่อยแค่  +3.41 จุด ต่อเนื่องจากเมื่อวันก่อนที่พุ่งแรงไปเกือบ 20 จุด ก้อมีคนสงสัยว่าเป็นเพราะอะไร..เจ๊ว่าน่าจะเพราะว่าต้องการรอดูว่าหน้าตาของ ครม. ชุดใหม่ และทีมเศรษฐกิจ จะเป็นอย่างไร..จะสร้างความเชื่อมั่นตลาดทุนมาก/น้อยเพียงใด และสิ่งที่ดูต่อมาคือการขับเคลื่อนนโยบายหลักๆ ที่นำโดยพรรคเพื่อไทยจะเป็นอย่างไร จะทำได้อย่างที่เคยบอกไว้รึป่าว

***กูรูหุ้นมาให้คำแนะนำการลงทุนต่อประเด็นนี้ว่า นโยบายของพรรคเพื่อไทยจะหนุนกลุ่มค้าปลีก อิงกำลังซื้อต่างจังหวัด โดยมองโครงสร้างนโยบายที่มี 2-3 องค์ประกอบหลัก

***ส่วนที่ 1 คือ เศรษฐกิจฐานราก+ดิจิทัล (Digital Wallet กระตุ้นบริโภคระยะสั้น, เพิ่มรายได้ต่อ ครัวเรือน หนุนระยะกลาง-ยาว ผ่านกลไกเพิ่มทักษะ (Platform สร้างอาชีพ+ 1 คนที่มีศักยภาพ ใน 1 ครอบครัว 1 Soft Power +จัดโครงสร้างธุรกิจเกษตร (ปลูก/เลี้ยงพืช สัตว์ตรงความ ต้องการโลก น าเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุน)) และเมื่อ GDP เริ่มตั้งฐาน เติบโตได้เป้าหมาย 5+/-% ต่อปี จะตามด้วยการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ+เงินเดือนป.ตรี 

***ส่วนที่ 2 คือ การขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน(ผลักดันรถไฟความเร็วสูง รถไฟเชื่อม ระหว่างเมืองหลัก เมืองรอง, สนามบิน) และการลงทุน (เพิ่มพื้นที่นิคมใหม่ๆ อำนวยความ สะดวกลงทุนเพิ่มขึ้น เช่น ระบบรัฐบาลดิจิทัล ลดขั้นตอนติดต่อ และเพิ่มสิทธิประโยชน์ผลักดัน S Curve ใหม่ฝั่งดิจิทัลในกลุ่ม SMEs และ Start-up) 

***ส่วนที่ 3 คือ นโยบายต่างๆที่เสริมเข้ามาในภายหลัง อาทิ นโยบายเด่นๆ ในอดีตของพรรคเพื่อ ไทยที่อาจจะถูกน ากลับมาใช้อีกครั้ง อาทิ นโยบายด้านเกษตร (พยุงราคายาง) นโยบายที่จะ หนุนการลงทุนตลาดทุน อาทิ กองทุนหุ้นระยะยาว และนโยบายการปรับโครงสร้างธุรกิจ พลังงาน รวมถึงนโยบายเด่นๆในอดีต เช่น รถยนต์คันแรก (คาดจะมีนโยบายคล้ายกันในส่วน การขับเคลื่อนผ่านรถยนต์ EV) บ้านหลังแรก ซึ่งส่วนดังกล่าวยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนใน ปัจจุบัน แต่ควรติดตามใกล้ชิด เนื่องจากมีโอกาสจะส่วนช่วยเปิด Upside ด้านอื่นๆ 

***สำหรับกลยุทธ์การลงทุนกูรูแนะนำว่าให้เน้นลงทุนหุ้นอิงนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย CPAXT, DOHOME, GLOBAL, ADVANC, BE8, SCB, KBANK, WHA, STEC, PTT, AMATA, GULF

***ส่วนเซียนหุ้นอีกแห่ง ประเมินว่าหุ้นที่จะมีโอกาส outperform SET มากสุด (คิดจากผลกระทบ จากนโยบายรัฐบาลใหม่ และ price performance ในช่วงปีที่ผ่านมา เป็น หลัก) ได้แก่  
1) CPAXT (ซื้อ/เป้า 40.00 บาท) วงเงินสินเชื่อจะเพิ่มขึ้น ตามการเพิ่ม เงินเดือนขั้นต่ำเป็น 25,000 บาท จากเดิม 15,000 บาท โดยปัจจุบันลูกหนี้ ส่วนใหญ่จะมีเงินเดือนเฉลี่ยใกล้เคียงเงินเดือนขั้นต่ำ 
 2) AEONTS (ถือ/เป้า 185.00 บาท) วงเงินสินเชื่อจะเพิ่มขึ้น ตามการเพิ่ม เงินเดือนขั้นต่ำ ซึ่งรายได้ลูกหนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 15,000 บาท 
 3) CK (ซื้อ/เป้า 24.00 บาท) โดยชอบ CK มากกว่า STEC จาก 1) มี upside จากสายสีส้ม, 2) กระทบจากนโยบายขึ้นค่าแรงน้อยกว่า, และ 3) laggard กว่า STEC โดย STEC outperform CK +16% QTD 
 4) ONEE (ซื้อ/เป้า 6.00 บาท) ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจฟื้นตัว คาดมีการ กระตุ้นการใช้จ่ายจากภาครัฐ ทำให้กลุ่ม FMCG เพิ่มงบโฆษณา อีกทั้ง ONEE ยังมีรายได้จากธุรกิจอื่น อาทิ events, บริหารศิลปิน ซึ่งมองว่าจะ ขยายตัวตามรายได้ผู้บริโภคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 
 5) AOT (ซื้อ/เป้า 84.00 บาท) ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นการ ท่องเที่ยว, มีโอกาสขอปรับเพิ่ม PSC 

***เทพหุ้นรายที่สามของวันนี้บอกว่า มีประเด็นถัดไปที่ต้องติดตาม คือ นโยบายหลักๆของพรรคเพื่อไทยที่หาเสียงไว้กับประชาชน เช่น Digital Wallet 10,000 บาท, ที่ดินทำกิน, ขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำ 600 บาท ภายในปี 2570, เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท, เกณฑ์ทหารโดยสมัครใจ, เพิ่ม ราคาพืชผลเกษตร, แก้ปัญหาความขัดแย้งและสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนในจังหวัด ชายแดนภาคใต้, กัญชาทางการแพทย์และสุขภาพ และจะแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งนโยบายบางส่วนที่ต้องใช้เม็ดเงินในการขับเคลื่อน ไม่ได้มีการบรรจุไว้ในงบประมาณปี 2566 จึง จำเป็นต้องรอการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 ซึ่งจะถูกเบิกจ่ายช่วง 1 ต.ค.66 – 30 ก.ย.67 แต่เนื่องเป็นช่วงคาบเกี่ยวของการ เลือกตั้ง และจัดตั้งรัฐบาล ทำให้กระบวนการ ในการจัดทำงบประมาณปี 2567 ล่าช้ากว่าปกติ 

***เทพหุ้นคาดว่าช่วงเวลาที่จะสามารถนำเม็ดเงินงบประมาณปี 2567 มากระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายที่หาเสียงไว้จะ อยู่ในช่วง ปลาย 1Q67 หรือ ต้น 2Q67 ซึ่งกลุ่มหุ้นที่คาดว่าสามารถจะเก็งกำไรได้จาก ประเด็นดังกล่าว คือ หุ้นกลุ่มค้าปลีก เช่าซื้อ อสังหาฯ ท่องเที่ยว อาทิ CRC CPALL BJC TIDLOR MTC SAWAD LH SC SIRI PR9 CENTEL ERW MINT เป็นต้น

***โดยสรุปคือ การได้ตัวนายกฯ ถือเป็น Sentiment เชิงบวกต่อ SET Index แต่ระยะถัดไปมีปัจจัยกดดันจากเศรษฐกิจชะลอตัว และความเสี่ยงการเกิดการ ชุมนุมนอกสภา ซึ่งทำให้ SET ปรับขึ้นได้จำกัด หากไม่มี Flow ต่างชาติคอยหนุน ดังนั้น "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" เงินของเรา..ตัดสินใจเอาเองเด้อ-ค่ะ-เด้อ!!!