จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : EA รับผลบวกจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า ปี 66 โต 430% หนุนธุรกิจผลิตแบตเตอรี่


08 สิงหาคม 2566
SCB EIC คาดการณ์ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าปี 2566 โต 430% สะท้อนความต้องการรถโตก้าวกระโดด  หนุนธุรกิจผลิตแบตเตอรี่ บมจ. พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ล่าสุดจับมือ 2 พันธมิตรผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ของจีน ร่วมศึกษาและจัดตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในไทย 

รายงานพิเศษ EA รับผลบวกจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้.jpg

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ Economic Intelligence Center ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC)  วิเคราะห์ว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยปี 66 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของอุปสงค์และกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด โดยคาดว่ายอดจดทะเบียนรถ EVs ในปี 66 จะอยู่ที่ราว 4.95 หมื่นคัน หรือเติบโตสูงถึง 430%YOY  ซึ่งจะส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.6% ของยอดขายรถยนต์นั่งทั้งหมดจาก 1.1% ในปีที่ผ่านมา
         
นอกจากนี้ กำลังการผลิตรถยนต์ EVs ของไทยก็มีแนวโนมปรับเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ราว 3.5 แสนคันต่อปี ภายในปี 68 อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามอานิสงส์จากการลงทุนของผู้ผลิตยานยนต์ EVs รายใหม่ๆ ที่มีต่อเศรษฐกิจไทย ทั้งในด้านการจ้างงานและมูลค่าเพิ่มจากการพึ่งพาวัตถุดิบในประเทศ

เมื่อตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตก้าวกระโดด  ย่อมส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมแบตเตอรี่  ซึ่งบมจ. พลังงานบริสุทธิ์ (EA) นับเป็นผู้นำในตลาดผลิตแบตเตอรี่ และยังขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด  “อมร ทรัพย์ทวีกุล”  รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  เปิดเผยว่า EAได้ลงนามMoU กับ EVE Energy Co.,Ltd. (EVE)และMoUกับ Sunwoda Mobility Energy Technology Co.,Ltd. (Sunwoda) ซึ่งเป็น 2พันธมิตรผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ของจีน ที่สนใจการขยายตลาดแบตเตอรี่ในไทย เพื่อร่วมศึกษาและจัดตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่กำลังผลิตเริ่มต้นที่ 6GWhในประเทศไทย  

โดยคาดว่าผลจากการศึกษานี้จะนำไปสู่การจัดตั้งโรงงานผลิตเซลล์แบตเตอรี่ขั้นสูงด้วยต้นทุนที่สามารถแข่งขันได้ในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่เพื่อยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV)และระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้า ไฟฟ้า (Energy Storage System : ESS)เพื่อรองรับความต้องการของแบตเตอรี่ในกลุ่มบริษัทEAรวมถึงตลาดแบตเตอรี่ในประเทศไทยและอาเซียน โดยเฉพาะเพื่อป้อนเข้าโรงงานผลิตและประกอบยานยนต์ไฟฟ้าที่ได้มีการลงทุนตั้งฐานการผลิตในไทยอย่างต่อเนื่อง

และเมื่อผลการศึกษาวิจัยครั้งนี้ประสบความสำเร็จ EAจะนำเสนอ บริษัทAmita Technology (Thailand) Co.,Ltdเข้าร่วมการลงทุนกับพันธมิตรจีน เพื่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ แบบPrismatic Battery Cellโดยใช้เทคโนโลยีกระบวนการผลิตระบบอัตโนมัติขั้นสูงและมีข้อได้เปรียบทางด้านต้นทุนวัตถุดิบต่ำจากพันธมิตรจีนที่มีRaw material supply chain ครบวงจร มีการวิจัยพัฒนาแบตเตอรี่ชนิดใหม่ที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยที่สูง 

รวมถึงการต่อยอดการผลิตแบตเตอรี่แพ็ค เพื่อให้มีต้นทุนรวมในการผลิตแบตเตอรี่ใกล้เคียงกับต้นทุนแบตเตอรี่ที่ผลิตจากจีน โรงงานนี้จะผลิตเซลล์แบตเตอรี่ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในไทยและรองรับความต้องการใช้แบตเตอรี่ทั้งในประเทศไทยและอาเซียน  โดยการวิจัยและพัฒนาเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV)และการผลิตระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้า (ESS)โดยระยะเริ่มต้นดำเนินกำลังการผลิต6กิกะวัตต์ชั่วโมง ในประเทศไทย เพื่อตอบรับสนับสนุนนโยบาย30@30  

โดยEVE Energy Co.,Ltd. (EVE)ดำเนินธุรกิจด้านการให้บริการเทคโนโลยีด้านแบตเตอรี่Lithium-ionอันดับ3ของจีน มีกำลังการผลิตแบตเตอรี่ไม่น้อยกว่า360 GWhโดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยนำมาใช้อย่างแพร่หลายในด้าน Internet of Things (IoT),ยานยนต์ไฟฟ้า และด้านEnergy Storage System (ESS) ซึ่งให้บริการแก่แบรนด์รถยนต์ชั้นนำระดับโลก เช่นBMW, Daimler, HyundaiและJaguar Land Rover รากฐานการขายทั่วโลกของบริษัทได้ขยายไปยังสหรัฐอเมริกา เยอรมนี มาเลเซีย และภูมิภาคอื่นๆ นอกจากนี้ บริษัทยังเป็น1ใน10บริษัทชั้นนำของโลกในด้านการให้บริการติดตั้งแบตเตอรี่

ขณะที่Sunwoda Mobility Energy Technology Co.,Ltd. (Sunwoda) ถือเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่Lithium-ion สำหรับEVอันดับ5ในประเทศจีนและอันดับ9ในตลาดโลก มีกำลังการผลิตแบตเตอรี่ต่อปีมากกว่า100 GWhและจะเพิ่มเป็น138 GWh ภายในปี2568 ตลอดจนมีแผนในการเข้าสู่ตลาดยุโรปและการสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในฮังการี  โดยSunwodaได้รับการยอมรับในการเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ชาร์จเร็ว,แบตเตอรี่PHEV/HEVตลอดจนแบตเตอรี่Super-Fast Charge SFC480  นอกจากนี้ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในTier 1ของBenchmarkในกลุ่มผู้ผลิตแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ ได้แก่ Dongfeng Maxus, Geely, Li Auto, Huawei, XPeng, RenaultและNissanเป็นต้น

บล.ดาโอ  ได้วิเคราะห์หุ้นบริษัท EA  โดยคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 80.00 บาท อิง SoTP โดยคิดเป็น PER ที่ 33 เท่า หรือ -0.4 below 5-yr average PER)  และคงประมาณการกำไรปี 2023E/24E  ที่ 9.1/9.5 พันล้านบาท โต +19%/+5% YoY   ทั้งนี้กำไร 1H23E คิดเป็น 51% ต่อกำไร 2023E  มองว่ายังอยู่ในกรอบประมาณการ จาก 2H23E จะมีรายได้จากการส่งมอบรถที่สูงขึ้น HoH มาทดแทนรายได้ธุรกิจ Biodiesel ที่ลดลงและธุรกิจโรงไฟฟ้าที่หดตัวตามฤดูกาล

ขณะที่ราคาหุ้น underperform SET ที่ -5%/-12% ในช่วง 1 และ 3 เดือนที่ผ่านมา จากรับรู้ผลการดำเนินงาน 1Q23 ที่มีการส่งมอบรถ EV Bus ล่าช้ากว่าคาด รวมถึงยอดคำสั่งซื้อในอนาคตและความกังวลต่อข่าวลบเกี่ยวกับคุณภาพของแบตเตอรี่  อย่างไรก็ตามเรายังแนะนำ “ซื้อ” จาก valuation ที่ปัจจุบันเทรดอยู่ในระดับที่ต่ำเทียบกับผลการดำเนินงาน 2023E คิดเป็น PER ที่ 26x เทียบกับ 5-yr avg. ที่ 36x
EA