Smart Investment

"อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา" รินขายหุ้น SAK


26 กรกฎาคม 2566

by.พูเมซ่า

smart invest กางพอร์ต  อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา.jpg

ภาพรวมตลาดหุ้นไทยปลายเดือนกรกฎาคม 2566 ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังคงแกว่งตัวผันผวนตามการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ทางการเมือง โดยบล.เอเซียพลัส ระบุว่า ฝ่ายวิจัยคาดหวัง Fund Flow ไหลกลับ หลังสุญญากาศทางการเมือง และในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยมาอย่างต่อเนื่องถึง 1.2 แสนล้านบาท โดยถูกกดดันจากปัจจัยต่างๆ คือ เศรษฐกิจจีนฟื้นช้ากว่าที่คาด, ประเด็นการเมืองร้อนแรง และการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายถึง 3 ครั้งในปีนี้จาก 1.25% เป็น 2% กดดัน P/E ซื้อขายหุ้นไทยถูกลง อย่างไรก็ตามในช่วงที่เหลือของปีน่าจะเห็น Fund Flow สลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยมากขึ้นจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้

  1. จีนมีการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ในการประชุม Politburo ในวันที่ 27ก.ค.นี้ซึ่งจีนเป็นคู่ค้าสำคัญของไทย เป็นอันดับ 1 มีสัดส่วน 22.2% จากทุกประเทศ
  2. ตลาดเชื่อว่า การขึ้นดอกเบี้ยของ กนง. มีโอกาสชะลอลง หลังจากขึ้นมาติดต่อกัน 6ครั้ง ในช่วง 10เดือนที่ผ่านมา และล่าสุด Bond Yield ระยะสั้น 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี ใกล้เคียง หรือน้อยกว่าดอกเบี้ยนโยบาย (ช่วงก่อนหน้า Bond Yield สูงกว่าดอกเบี้ยนโยบายก่อนการประชุม กนง. ที่มีการประกาศขึ้นดอกเบี้ยเสมอ)
  3. การเมืองน่าจะได้รัฐบาลใหม่เร็วๆ นี้ พร้อมกับคาดหวังมาตการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆ หลังจากห่างหายมานาน
  4. แนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียนช่วง 2H66มีโอกาสฟื้นตัว YoY สูง จากฐานช่วง 2H65ที่ต่ำเพียง 4.14 แสนล้านบาท (ปกติอยู่ในช่วง 4.5 –5 แสนล้านบาท) และมีโอกาสฟื้นตัว HoH

ทั้ง 4 ปัจจัย ช่วยหนุนให้ SET Index มีโอกาสทยอยฟื้นขึ้นได้ ทั้งจากสภาพคล่อง และโอกาสการซื้อขายบน P/E ที่สูงขึ้น (แรงกดดันจากการขึ้นดอกเบี้ยลดลง) บวกกับแนวโน้มกำไร 2H66 ที่มีโอกาสฟื้นตัวอย่างชัดเจน ส่งผลให้ Fund Flow ต่างชาติมีโอกาสสลับเข้ามาซื้อสะสมหุ้นไทยเพิ่มเติม หลังจากผ่านช่วงสุญญากาศทางการเมืองไปแล้ว

ทั้งนี้จากการรวบรวมข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในส่วนของการลงทุนของ ต๊อบ-อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ซีอีโอ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และในฐานะประธานสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ ในประเทศอังกฤษ ซึ่งมีการลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยถือครองหุ้นจำนวน 4 บริษัท ประกอบด้วย

หุ้น

จำนวน(ล้านหุ้น)

%การถือหุ้น

7UP

250,000,000

4.86

CFRESH

20,000,000

2.16

SAK

12,000,000

0.57

WP

84,998,404

16.39

 

จากข้อมูลการถือครองหุ้นข้างต้น เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับการปิดสมุดทะเบียนโครงสร้างผู้ถือหุ้นล่าสุดในเดือนกรกฎาคม 2566 พบว่า อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ได้ลดสัดส่วนการถือครองหุ้น SAK โดยล่าสุด ณ วันที่ 19 กรกฎาคม 2566 ถือหุ้นเพียง 12,000,000หุ้น คิดเป็น 0.57% จากเดิมในเดือนเมษายน 2566 ถือหุ้นจำนวน 17,100,000หุ้น คิดเป็น 0.82% ดังนั้นสะท้อนให้เห็นว่าได้มีการลดสัดส่วนการถือครองหุ้นดังกล่าวในช่วงระยะเวลา 3 เดือนได้ขายหุ้นออกมาราว 5,100,000 หุ้น

ขณะที่การเคลื่อนไหวราคาหุ้นSAK ในช่วงตั้งแต่เดือนเมษายนถึงกรกฎาคม 2566 พบว่า ราคาหุ้นปรับลดลง 21.28% จากราคา 6.30 บาท ลดลงมาอยู่ที่ 4.92 บาท โดยเคยปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ 6.60 บาท

ขณะเดียวกัน“ศิวพงศ์ บุญสาลี” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SAK กล่าวว่าแนวโน้มพอร์ตสินเชื่อ Q2/66 จะโตมากขึ้นจาก Q1/66 ที่พอร์ตสินเชื่อ 1.08 หมื่นลบ. เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายลดลง จากการเปิดสาขาใหม่ 100 สาขา ใน Q1/66 ส่งผลให้มีสาขาทั้งหมด 1,027 สาขา ซึ่งจะไม่ได้เร่งเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้นอีกในปีนี้ ประกอบกับการคงระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ไม่เกิน 2.5%

รวมถึงการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นใน Q2/66 จากปล่อยสินเชื่อใหม่อย่าง สินเชื่อที่ดิน ที่มีทิศทางการเติบโตต่อเนื่อง วางเป้าพอร์ตสินเชื่อปีที่ 20 ลบ. และสินเชื่อโซลาร์รูฟท็อป ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากปัญหาค่าไฟฟ้าที่แพงขึ้น ตั้งเป้าติดโซลาร์รูฟท็อป 2000 หลังคาเรือน คาดมีพอร์ตสินเชื่อ 400-500 ลบ. ในปีนี้ อย่างไรก็ดีมั่นใจปี 66 พอร์ตสินเชื่อโตตามเป้า 1.35 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 25%

สำหรับรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 19 กรกฎาคม 2566 ประกอบด้วย

รายชื่อ

จำนวน(หุ้น)

%การถือหุ้น

จินตนา บุญสาลี

505,857,200

24.13

พูนศักดิ์ บุญสาลี

501,000,000

23.9

ศันศนีย์ บุญสาลี

215,787,000

10.3

ศิวพงศ์ บุญสาลี

202,500,000

9.66

บัวหลวงเวนเจอร์ส

150,000,000

7.16

นพชัย นพสุวรรณวงศ์

25,461,500

1.21

ไทยเอ็นวีดีอาร์

24,689,211

1.18

กองทุนเปิด เค Mid Small Cap หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ

17,618,500

0.84

อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา

12,000,000

0.57

พรชัย เลิศมโนกุล

8,896,600

0.42