จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : SSP แตกไลน์ธุรกิจรุก “บรรจุภัณฑ์พลาสติก” เพิ่มฐานรายได้ใหม่สร้างการเติบโตยั่งยืน


25 กรกฎาคม 2566
กลยุทธ์การทำธุรกิจโดยการขยายตลาดไปในธุรกิจใหม่ หรือการแตกไลน์  เป็นอีกแนวทางที่สร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับบริษัท  ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางบมจ.เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น (SSP)  ที่บุกตลาดไปในตลาดผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบอ่อน มั่นใจจะสร้างรายได้ให้บริษัทได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ปี 67 เป็นต้นไป  

รายงานพิเศษ SSP แตกไลน์ธุรกิจรุก บรรจุภัณฑ์.jpg

ด้วยความเชื่อที่ว่า ธุรกิจพลาสติกจะเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับโลก แม้จะต้องปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อม   จึงเป็นจุดตัดสินใจของผู้บริหาร บมจ.เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น (SSP)  โดย “วรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์”  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SSP รับว่า บริษัทฯเห็นโอกาสการเติบโตทางธุรกิจใหม่ จึงได้เข้าลงทุนผ่านบริษัทลูกคือ "เสริมสร้าง เน็กซ์ เวนเจอร์ส " 
โดยได้เข้าถือหุ้น สามารถ พลาสแพค เพื่อขยายกำลังการผลิตและปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรในเฟสแรกจะผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบอ่อน โดยใช้แหล่งเงินจากการเพิ่มทุนและวงเงินกู้จากสถาบันการเงินการเข้าลงทุนในครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจของบริษัทเพื่อผลักดันการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งช่วยเพิ่มฐานรายได้ใหม่เข้ามาเติมเต็มธุรกิจโรงไฟฟ้า Renewable ในปัจจุบันให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ส่วน “ชยุตม์ หลีหเจริญกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานบัญชีและการเงิน SSP  ให้มุมมองในการลงทุนครั้งนี้ว่า  การลงทุนครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นในการแตกไลน์ธุรกิจ  ซึ่งบริษัทเชื่อว่าจะสร้างรายได้ที่ดีให้กับบริษัท เนื่องจาก  Share Holder  มีประสบการณ์  ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถบริหารจัดการได้   และมันเข้ากับ Energy ของบริษัท เนื่องจากจะเป็นธุรกิจที่เน้นเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อม 
ขณะที่ตลาดผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกในประเทศไทยมีมูลค่ารวมกว่า 2 แสนล้านบาท และยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามการอุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้น  อีกทั้งในปัจจุบันผู้บริโภคยังได้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และให้ความสนใจในเรื่องของสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น  ทั้งในการนำกลับมาใช้ (Recycle) ผลิตภัณฑ์ที่ย่อยสลายง่าย เพื่อแก้ปัญหาเรื่องการลดมลภาวะ  และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 
นอกจากนี้ เทคโนโลยีการพิมพ์และการขึ้นรูปบรรจุภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมทันสมัย และสะดวกต่อการใช้งาน มากยิ่งขึ้น ซึ่งตรงกับเป้าหมายการดำเนินธุรกิจของ SSP มองหาโอกาสในการลงทุนในธุรกิจใหม่ ที่มีโอกาสในการเติบโตที่ดี มีส่วนร่วมในการนำไปสู่ Net Zero ซึ่งจะเป็นประเด็นที่สำคัญเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต
         
ส่วนแผนการตลาดของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ บริษัทฯจะจัดจำหน่ายผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกให้กับผู้ใช้ในภาคอุตสาหกรรม โดยมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งในประเทศไทยถือเป็นอุตสาหกรรมลำดับต้นๆของโลก  ซึ่งมีแนวโน้มในการเติบโตสูง รวมถึงในอนาคต บริษัทฯยังมีแผนที่จะนำเสนอบรรจุภัณฑ์ที่เป็นสินค้าให้กับผู้บริโภคโดยตรง หรือการทำตลาดแบบ B2C  หรือขยายตลาดไปยังกลุ่มธุรกิจ SME  ซึ่งมีการขยายตัวมากขึ้นตามธุรกิจอีคอมเมิร์ซ หรือ ธุรกิจ Food Delivery
สำหรับการลงทุนครั้งนี้ บริษัทจะให้เงินลงทุนประมาณ 140  ล้านบาท  โดยเป็นเข้าการซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายเดิม และเพิ่มทุนใหม่ ให้กับบริษัทสามารถ พลาสแพค จำกัด  คิดเป็นสัดส่วนการลงทุนทั้งสิ้น 75%ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด  และคาดว่าจะมีรับรู้รายได้บางส่วนในปี 2566  นี้ แต่จะรับรู้รายได้อย่างจริงจังตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป  และคาดว่าภายใน 3 ปี  การลงทุนนี้จะสร้างรายได้ให้บริษัท 500  ล้านบาท 
“SSP มีแนวคิดว่า ธุรกิจโรงไฟฟ้า Renewable  เป็นขาหลักขาหนึ่ง  ส่วนขาที่ 2 ,3 และ  4 ควรเป็นเรื่องของเทรนด์ในอนาคต  Innovation   เป็นธุรกิจที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม  ซึ่งการลงทุนในบรรจุภัณฑ์พลาสติกครั้งนี้ ก็จะไปในแนวทางนั้น”  นายชยุตม์ มั่นใจ 
SSP